ตั้งแต่วิกฤตการณ์โควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนทั่วโลก ไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งการดูแลรักษาสุขภาพ การกิน การเสพคอนเทนต์ รวมถึงการวิถีการช็อปปิ้ง และการใช้จ่ายที่เห็นชัดที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่จะกลายเป็นกำลังซื้อหลักที่ทรงอิทธิพลในอนาคต ซึ่งจะสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อวงการค้าปลีกให้ต้องปรับตัว และเรียนรู้เพื่อตอบสนอง ความต้องการที่เปลี่ยนไปของคนกลุ่มนี้ให้ได้
Thairath Money เปิดผลสำรวจพฤติกรรมการช็อปปิ้ง และการใช้จ่ายของคน GenZ ในปัจจุบัน จัดทำโดย Oliver Wyman บริษัทให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ และการบริหารจัดการองค์กรชั้นนำระดับโลกในสหรัฐฯ
ปัจจุบันการช็อปปิ้งของคนรุ่นใหม่มีความสะดวกสบายมากกว่าคนรุ่นเก่า โดยเฉพาะการช็อปปิ้งสินค้าที่ไม่จำเป็น ซึ่งนอกเหนือจากอาหาร ยา และ ของใช้ในบ้านทั่วไป จากผลสำรวจพบว่า 40% ของคน Gen Z และ 50% ของ Millennials มีการวางแผนซื้อของที่ไม่จำเป็นล่วงหน้า ในขณะที่กลุ่มคนที่มีอายุมากกว่ามีสัดส่วนเพียง 26% นอกจากนี้วิธีการชำระเงินทางเลือกอื่น เช่น ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง หรือ Buy now Pay later: BNPL และการชำระเงินดิจิทัลรูปแบบอื่นๆ ยังได้รับความนิยมมากขึ้น ในหมู่คนรุ่นใหม่ โดยคน Gen นี้เรียกได้ว่า เป็นกลุ่มคนที่จะกลายเป็นกำลังซื้อหลักในอนาคต ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีที่ลูกค้าโต้ตอบกับร้านค้าในปัจจุบัน
เทรนด์การช็อปปิ้งของคนรุ่นใหม่ ไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงแค่กับวงการค้าปลีกเท่านั้น แต่ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมธนาคาร โดยคน Gen Z และ Millennials มีแนวโน้มที่จะใช้บริการธนาคารดิจิทัล (Digital Bank) มากกว่าคนรุ่นอื่น ซึ่งธนาคารเหล่านี้เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการทางการเงินดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบ
ผลสำรวจระบุว่า 21% ของคนที่มีอายุ 18-24 ปี ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ในขณะที่กลุ่มคนอายุ 55-64 ปี มีสัดส่วนการใช้งานธนาคารดิจิทัลเพียงแค่ 3% สาเหตุที่ทำให้ธนาคารเหล่านี้ เป็นที่นิยมในคนรุ่นใหม่ เพราะมักจะนำเสนอ โซลูชันการชำระเงินที่แปลกใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้าอยู่เสมอ
คนรุ่นใหม่ไม่เพียงแต่ชื่นชอบการช็อปปิ้งออนไลน์ ไปกับสิ่งของที่ไม่จำเป็นเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าออนไลน์ผ่าน Marketplace อีกด้วย โดยคนรุ่นใหม่ 5% ช็อปปิ้งผ่านเว็บไซต์ของอินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดีย และคาดว่าเทรนด์เหล่านี้ จะยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพวกเขาเติบโตมาพร้อมกับโซเชียลมีเดีย
คนรุ่นใหม่มีวิธีการใช้จ่ายที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างสิ้นเชิง โดยพวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายผ่านเงินสดและบัตรเดบิตมากกว่า แต่มีแนวโน้มที่จะใช้บัตรเครดิตน้อยลงโดยคนรุ่นใหม่ส่วนมาก เต็มใจที่จะใช้บริการการชำระเงินทางเลือกอื่นๆ ด้วยการเปิดรับการชำระเงินรูปแบบใหม่ๆ ของร้านค้าที่บูรณาการการชำระเงิน เข้ากับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของพวกเขา
โดยคาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไป การชำระเงินทางเลือกใหม่ เช่น BNPL, คริปโตเคอร์เรนซี และซูเปอร์แอป จะกลายเป็นช่องทางการใช้จ่ายยอดนิยม ในกลุ่มคนรุ่นใหม่
จะเห็นได้จากผู้ใช้บริการ BNPL ส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต โดยมีคน Gen Z เพียง 27% เท่านั้นที่ใช้จ่ายด้วย Store Credit หรือบัตรเครดิตที่ออกโดยร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้า ในขณะที่ 48% ของ Baby Boomers นิยมใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต
สาเหตุที่ทำให้บริการ BNPL ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ต้องการที่จะใช้จ่ายแบบทันที และต้องการอิสระในการใช้จ่ายโดยไม่มีเงื่อนไขผูกมัด จึงมองหารูปแบบการชำระเงินที่ไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกเป็นหนี้มากกว่าเดิม ซึ่ง BNPL เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้พวกเขาสามารถซื้อสินค้าที่ต้องการในชีวิตประจำวัน โดยสามารถแบ่งจ่ายเงินเป็นงวด ระยะเวลาหลายเดือน ภายใต้ดอกเบี้ย 0%และไม่มีค่าธรรมเนียนเพิ่มเติม
ยกเว้นหากชำระเงินไม่ตรงตามกำหนดเวลาก็จะถูกค่าปรับ แต่ค่าปรับก็จะมีอัตราที่ต่ำกว่าการใช้บัตรเครดิต และอีกหนึ่งจุดเด่นที่ครองใจคนรุ่นใหม่ คือไม่ต้องใช้เครดิตทางการเงินค้ำประกันในการสมัครใช้บริการ ทำให้อนุมัติเงินซื้อสินค้าได้รวดเร็วทันใจ
โดย 24 % ของผู้ซื้อ Gen Z ระบุว่า ใช้บริการ BNPL เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้หมุนเวียน ซึ่งมากกว่าคน Gen X ที่มีสัดส่วนเพียง 9% เท่านั้น ที่มีความต้องการใช้บริการ BNPL ในมุมมองของคนรุ่นใหม่ BNPL ไม่ได้เป็นการสร้างหนี้แต่กลับทำให้พวกเขารู้สึกได้ลองฝึกบริหารจัดการเงินให้ดีขึ้น
ที่มา: OliverWyman
อ่านข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney