กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 พบ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 3.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าคาดการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed) ที่ระดับ 1.8% และนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.0% โดยก่อนหน้านี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัวในไตรมาส 1 2 3 ที่ 2.2%, 2.1% และ 4.9% ตามลำดับ
การเติบโตของเศรษฐกิจไตรมาสนี้ ได้รับแรงหนุนหลักจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภค ระหว่างเดือน ต.ค-ธ.ค ปี 2566 เพิ่มขึ้น 2.8% ชะลอตัวลงเล็กน้อย จากระดับ 3.1% ในไตรมาสที่ 3/2566 โดยได้รับแรงผลักดันจากค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น จากตลาดแรงงานที่ยังร้อนแรง และการดึงเงินฝากในธนาคารออกมาใช้จ่ายมากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ต้นทุนการกู้ยืมที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลงในไตรมาสต่อไป
นอกจากนี้การส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยที่หนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2566
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อมูล จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 14-20 มกราคม 2567 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 25,000 รายเป็น 214,000 ราย มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 199,000 ราย
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4/2566 สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 ส่งผลให้ปัจจุบันนักวิเคราะห์ มองว่าในปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ยังขยายตัวเพิ่มขึ้นแต่ชะลอลง
ทั้งนี้ตลาดได้ปรับลดแนวโน้มความน่าจะเป็น ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมเหลือต่ำกว่า 50% และเพิ่มแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับการประชุมนโยบายการเงินเดือนพฤษภาคม และคาดว่าเฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ช่วงปัจจุบันที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมสัปดาห์หน้า
อ้างอิง
อ่านข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney