ตลาดหลักทรัพย์อินเดียกำลังถูกจับตาอย่างต่อเนื่อง จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีที่ร้อนแรง โดย World Federation of Exchanges รายงานว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ของตลาดหลักทรัพย์อินเดีย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 3.989 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้า ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 3.984 ล้านล้านดอลลาร์ของฮ่องกง ส่งผลให้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีตลาดหุ้นใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของโลกทันที
โดยดัชนีหุ้น Nifty 50(NSE) ของอินเดียแตะระดับสูงสุดอีกครั้งในวันนี้ และมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 16% ในปี 2566 อีกทั้งยังปรับตัวเพิ่มขึ้น 8 ปีติดต่อกัน ในขณะที่ดัชนีหุ้น Hang Seng ของฮ่องกงมูลค่าลดลง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนและเป็นดัชนีที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปีนี้
ทั้งนี้ดัชนีหุ้นฮ่องกงที่ตกต่ำลง เป็นผลมาจากจีนที่เจอวิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ตลาดหุ้นฮ่องกงมีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจจีนสูง
จะเห็นได้จากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Moody’s ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือ ของพันธบัตรฮ่องกงเป็นเชิงลบจากเดิมที่อยู่ในระดับมีเสถียรภาพโดยอ้างถึงความสัมพันธ์ทางการเงิน การเมือง สถาบัน และเศรษฐกิจของฮ่องกงกับจีนแผ่นดินใหญ่ เช่นเดียวกับการปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรจีน เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา
สวนทางกับการบริโภคที่แข็งแกร่งในอินเดีย อันเป็นผลมาจากการมีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก ที่ 1,400 ล้านคน และเป็นประเทศที่มีขนาดการเติบโตเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดในโลก กำลังดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น ทำให้ในปีนี้ตลาดหุ้นอินเดียมีผลงานโดดเด่นที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สะท้อนผ่านการใช้จ่ายด้านอสังหาริมทรัพย์ และสินค้าระดับไฮเอนด์ที่เพิ่มขึ้นโดยชาวอินเดียที่ร่ำรวย เช่นเดียวกับการใช้จ่ายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาล
อ้างอิง