เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่าน รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศ แผนการขยายเวลาการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 10% เหลือ 8% จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนปี 2567 เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการผลิตภายในประเทศ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงซบเซา
เดิมทีแผนการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และมีกำหนดการสิ้นสุดภายในสิ้นปีนี้ มีผลลดอัตราภาษีมาอยู่ที่ 8% และไม่ครอบคลุมถึงบริการและผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน โทรคมนาคม และอสังหาริมทรัพย์
รัฐบาลเวียดนามคาดว่า การปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว จะสามารถกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัวลง แต่ในทางกลับกันก็จะทำให้รัฐบาลมีรายได้ลดลง 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวยังต้องรอการอนุมัติจากรัฐสภา ซึ่งมีกำหนดประชุมรัฐสภาครั้งถัดไปในสัปดาห์หน้า
โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม เพิ่มขึ้น 5.33% ในไตรมาสที่สาม ซึ่งสูงกว่าการเติบโตที่ ในไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับ 4.05%
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออกอย่างค่อยเป็นค่อยไป สวนทางกับการบริโภคภายในประเทศที่ยังคงซบเซา และการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการลงทุนภาคเอกชนในประเทศที่อ่อนแอ และความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ลดลง
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติเวียดนาม ระบุว่า ยอดค้าปลีกในประเทศเพิ่มขึ้น 9.7% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
อ้างอิง