Morgan Stanley บริษัทผู้ให้บริการทางการเงินระดับโลก กล่าวว่า กองทุนทั่วโลกได้ลดการถือครองหุ้นจีนเพิ่มเติมในเดือนกันยายน ซึ่งนับเป็นการเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ค่าเฉลี่ยแผนการลงทุนในจีน ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี
อีกทั้งในเดือนกันยายน การไหลออกของเงินทุนสุทธิในตลาดจีนและฮ่องกงของผู้จัดการกองทุน มีมูลค่ารวมกันกว่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ (1.2 แสนล้านบาท) เนื่องจากบรรดานักลงทุนแห่ถอนเงินและปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นจีน
นักยุทธศาสตร์รวมถึงกิลเบิร์ต หว่อง เขียนในบทวิเคราะห์ว่า การไหลออกของเงินทุนในตลาดหุ้นจีนทะลุระดับ 3 พันล้านดอลลาร์ (1.1 แสนบ้านบาท) เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
แม้เศรษฐกิจจีนจะส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้เท่าที่ควร เนื่องจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ยังคงเป็นอุปสรรคต่อหุ้นจีน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่เพียงพอ
ผู้สังเกตการณ์ตลาด กล่าวว่า ดัชนีหุ้นจีน MSCI China ที่ปรับตัวลงเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ได้ฉุดให้ดัชนีในปีนี้ ปรับตัวลงอีก 11% ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และถือเป็นการลดลงต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี
นอกจากนี้ กองทุนต่างประเทศ ยังได้เทขายหุ้นจีนมูลค่ารวมกว่า 5.1 พันล้านดอลลาร์ (1.8 แสนล้านบาท) ในเดือนกันยายน ผ่านการเชื่อมโยงการซื้อขายกับฮ่องกง ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปริมาณการไหลออกของเงินทุน จากเดิมที่ระดับ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (4.4 แสนล้านบาท) ในเดือนสิงหาคม
โดยในไตรมาสที่สาม พบว่า ผู้จัดการกองทุนเทขายหุ้นจีน ในกลุ่มประกันภัย สื่อและความบันเทิง อีคอมเมิร์ซมากขึ้น รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงจากสินค้าทุน เซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยีชีวภาพ