สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า China Evergrande Group หรือ เอเวอร์แกรนด์ อดีตบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับสองของจีน ได้ทำการยื่นขอความคุ้มครองล้มละลาย ตามกฎหมายล้มละลายสหรัฐฯ หมวดที่ 15 ต่อศาลนครนิวยอร์กเพื่อเปิดโอกาสให้ศาลล้มละลายของสหรัฐฯ เข้าไปช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างศาลสหรัฐฯ, ลูกหนี้ และศาลของประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการล้มละลายข้ามพรมแดน
โดย เอเวอร์แกรนด์ จะได้รับความคุ้มครองทรัพย์สินของบริษัทในสหรัฐฯ จากเจ้าหนี้ ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ นอกจากนี้บริษัทยังเปิดเผยว่า กำลังอยู่ระหว่างเจรจาแผนปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ในฮ่องกง หมู่เกาะเคย์แมน และหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน
บริษัทประสบปัญหาอย่างหนักในการจ่ายหนี้เงินกู้ ทำให้ ณ สิ้นปีที่แล้วมีหนี้รวมสูงถึง 3.4 แสนล้านดอลลาร์ (12 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็น 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมถึงยังรายงานผลขาดทุน 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์ (2.8 ล้านล้านบาท) ในปี 2564 และ 2565
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาบริษัทได้เดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ในต่างประเทศ โดยในเดือนเมษายนบริษัทได้อัปเดตความคืบหน้าแผนเดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้ ว่ายังได้รับเสียงสนับสนุนไม่เพียงพอ ต่อมาในเดือนกรกฎาคมศาลได้อนุญาตให้จัดการโหวตเพื่อบรรลุข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ และเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทได้เลื่อนกำหนดการประชุมเจ้าหนี้ออกไปเป็นวันที่ 28 สิงหาคม
โดย เอเวอร์แกรนด์ เริ่มผิดนัดชำระหนี้อย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปลายปี 2564 หลังจากไม่สามารถหาเงินมาชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศแก่นักลงทุนได้ตามกำหนดเวลา ก่อนหน้านี้ได้ชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ล่าช้าหลายครั้ง สะท้อนสัญญาณว่าบริษัทกำลังประสบปัญหาสภาพคล่องครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นในภาคอสังหาริมทรัพย์จีนเป็นวงกว้าง แม้รัฐบาลจะพยายามอัดฉีดเงินเข้าระบบ และแสวงหาแนวทางช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อจำกัดผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลกระทบดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับตัวลดลงอย่างหนัก จากความกังวลที่อาจเกิดปัญหาวิกฤติหนี้ในประเทศจีน