ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงในวันพุธ (2 ส.ค. 2566) หลังจากสถาบันจัดอันดับ Fitch rating ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ จากปมมาตรฐานการกำกับดูแลที่ถดถอยอย่างต่อเนื่อง และภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลสหรัฐฯ
โดยดัชนีหุ้นพื้นฐาน Nikkei 225 (N225) ของญี่ปุ่น ปิดตัวลงที่ระดับ 2.3% ซึ่งเป็นการปิดตัวลงที่ต่ำที่สุดของปี ขณะที่ดัชนี Hang Seng (HSI) ของฮ่องกง ปิดตัวลงที่ระดับ 2.5% หลังจาก Fitch ปรับลดอันดับเครดิตหนี้สหรัฐฯ จากระดับ AAA เป็น AA+ เมื่อวันพุธ (2 ส.ค.) ที่ผ่านมา
หุ้นยุโรปปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ดัชนีหุ้นพื้นฐาน Stoxx 600 ปรับตัวลง 1.4% เมื่อเวลา 5.57 น. ET สู่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ ในขณะที่ดัชนี DAX (DAX) ของเยอรมนีลดลง 1.4% ดัชนี CAC (CAC40)40 ของฝรั่งเศส ลดลง 1.2% และดัชนี FTSE 100 (UKX) ของลอนดอน แตะระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์เช่นกัน โดยลดลงกว่า 1.5%
สำหรับตลาดหุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ปรับตัวลงเช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 ที่ลดลง 0.8% และ Nasdaq ลดลง 1.2% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ในขณะที่ราคาพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปี ไปอยู่ที่ระดับ 4.03%
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Fitch Ratings ได้ออกมาเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าอาจต้องทำการปรับลดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ หากไม่สามารถเจรจาหาข้อยุติขยายเพดานหนี้ได้
Fitch rating กล่าวในแถลงการณ์ว่า
“การปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ สะท้อนถึงสถานะทางการคลังที่ถดถอยลง ซึ่งมีการคาดการณ์ไว้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ภาระหนี้ของภาครัฐโดยรวมที่สูงขึ้น และมาตรฐานธรรมาภิบาลที่เสื่อมลง เมื่อเทียบกับประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกันที่ 'AA' และ 'AAA' ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา”.
อ้างอิง :