เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาในการประชุมรัฐสภาแห่งชาติจีน มีการเปิดเผยว่า จีนได้เลื่อนการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกไป ซึ่งเพิ่มความกังวลให้กับนักเศรษฐศาสตร์ ว่าการออกมาตรการเศรษฐกิจช้า จะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจจีนให้อ่อนแอลง จนทำให้เกิดการถกเถียงกันว่ามาตรการที่ออกมาจะสามารถสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายได้หรือไม่
หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางจีนได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนลง 0.10% สู่ระดับ 2.65% จากระดับ 2.75% สร้างความคาดหวังให้นักลงทุนว่าทางการจีนจะผ่อนปรนนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพกว้าง
โดยรัฐสภาแห่งชาติจีนได้ให้เหตุผลในการเลื่อนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า รัฐบาลกำลังศึกษามาตรการใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้ใน “เวลาที่เหมาะสม” ในขณะนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ซึ่งเป็นประธานในการประชุมเปิดเผยว่า การประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เนื่องจากเขาอยู่ระหว่างการเดินทางไปเยือนเยอรมนี และฝรั่งเศส ในสัปดาห์นี้
ด้านนักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs กล่าวว่า การใช้มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน น่าจะมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปของทางการจีน แต่การฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยวิธีแบบเดิม นั้นไม่สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบคุณภาพสูง ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งหมายความว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ที่จะประกาศออกมาหลังจากนี้จะส่งผลลัพธ์ในวงที่จำกัด
อย่างไรก็ตาม รัฐสภาแห่งชาติจีนซึ่งประสานงานนโยบายระหว่างกระทรวงรัฐบาลและธนาคารกลาง ได้เรียกร้องให้ใช้นโยบายที่เข้มข้นมากขึ้น เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้เปิดเผยถึงระยะเวลาหรือรายละเอียดของมาตรการสนับสนุนดังกล่าว
อ้างอิง