ธุรกิจรายย่อยของจีนกำลังทยอยปลดพนักงาน เพื่อเอาตัวรอดจากภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น จากการหดตัวของการบริโภคภายในประเทศและเศรษฐกิจที่ชะลอการเติบโตลง ในไตรมาสที่ 2
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจจีนเป็นอย่างมาก โดยในปี 2561 มีการจ้างงานในธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กรวมแล้วประมาณ 233 ล้านคน ซึ่งเป็นข้อมูลทางการล่าสุดที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่การเปิดเผยล่าสุดจากบริษัทผู้ปล่อยสินเชื่อ และการสัมภาษณ์เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก พบว่าบริษัทหลายแห่งกำลังประสบปัญหาเป็นหนี้สะสมตั้งแต่ช่วงโควิด
แดน หวัง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารฮั่งเส็ง เตือนว่า ปัญหาที่ธุรกิจขนาดเล็กต้องเผชิญนั้น ไม่สามารถแยกออกจากระบบเศรษฐกิจภาพรวมได้เนื่องจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นแหล่งจ้างงานที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ สะท้อนการต่อสู้ดิ้นรนของประชาชนในการดำรงชีวิต และเพิ่มความตึงเครียดต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวม
“หากธุรกิจ SMEs ไม่ฟื้นตัว จะทำให้เมืองใหญ่ๆ ไม่สามารถสร้างการจ้างงานและรายได้ให้เพียงพอ ต่อการใช้ชีวิตของคนในเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อครอบครัวที่มีรายได้น้อยและปานกลาง” แดน หวัง กล่าว
ธุรกิจขนาดเล็กเริ่มมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในช่วงปลายไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งเศรษฐกิจยังคงส่งสัญญาณฟื้นตัว แต่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในเดือนพฤษภาคม แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานในธุรกิจขนาดเล็กหดตัวลงอยู่ที่ระดับ 48.7 หมายความว่าธุรกิจเหล่านี้กำลังลดจำนวนพนักงานที่มีอยู่ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
ล่าสุดสมาคมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศจีน เปิดเผยผลสำรวจแบบสอบถาม SME 3,000 รายในประเทศ พบว่า ปัจจุบันมีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมน้อยกว่า 40% ที่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทางการจีนได้พยายามสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยหน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้ผลักดันให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ขยายสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ธนาคารท้องถิ่นจีนได้พยายามช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก โดยจัดตั้งหน่วยงานเพื่อแนะนำการระดมทุน ตลอดจนเยี่ยมชมโรงงานและฟาร์มของธุรกิจเพื่อประเมินความต้องการของผู้ประกอบการขนาดเล็ก อีกทั้งรัฐบาลยังออกมาตรการเพื่อบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไมว่าจะเป็นการยกเว้นภาษี หรือการลดค่าเช่าชั่วคราว ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้าง (Outstanding Balance) เพิ่มขึ้นจนแตะระดับ 9 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ตามข้อมูลจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารของจีน
ถึงแม้ทางการจีนจะพยายามเพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดเล็ก แต่ผู้ประกอบการจีนส่วนใหญ่ ไม่ต้องการกู้เงินเพิ่มเพื่อขยายธุรกิจ แต่กู้เพื่อใช้ในการชำระยอดหนี้คงค้างที่มีอยู่ตั้งแต่ช่วงโควิด ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์หลายแห่งจึงได้ขยายเวลาในการชำระหนี้ออกไป ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีเวลาชำระหนี้คืนจนถึงสิ้นเดือนนี้
จากสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มเสียสมดุลในช่วงไตรมาสที่ 2 ล่าสุดทางการจีนได้มีการหารือและวางแผนออก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน หลายพันล้านดอลลาร์ และผ่อนปรนกฎระเบียบในภาคอสังหาริมทรัพย์
อ้างอิง