พฤติกรรมการชำระเงินผ่านมือถือที่แพร่หลายในกลุ่มประเทศเอเชีย ทำให้ตลาดตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติได้รับความนิยมมากขึ้น สวนทางกับภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกทั่วโลกที่กำลังหาวิธีรับมือกับยอดการค้าปลีกที่เติบโตน้อยลง จากต้นทุนที่ยังอยู่ในระดับสูงและการแข่งขันที่ยากลำบาก ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากภาวะเงินเฟ้อ และการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร ที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ทำให้รูปแบบของการทำธุรกิจค้าปลีกเปลี่ยนไป
Nikkei Asia รายงานว่า ตลาดตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอัจฉริยะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีนกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมการใช้ระบบชำระเงินผ่านมือถือ และการช็อปปิ้งแบบไร้สัมผัสที่ต่อเนื่องมาจากช่วงโควิดระบาด
ข้อมูล ณ เดือนสิ้นเดือนพฤษภาคม พบว่า ตู้ชงเครื่องดื่มอัตโนมัติอย่าง “ตู้เต่าบิน” กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จะเห็นได้ยอดการติดตั้งตู้เต่าบินจำนวน 6,000 ยูนิต ในสถานีรถไฟและอาคารอพาร์ตเมนต์ทั่วประเทศไทย ความหลากหลายของเครื่องดื่มและราคาที่สมเหตุสมผล ตั้งแต่ 15 บาทถึง 65 บาท ซึ่งมีราคาถูกกว่าราคาในร้านกาแฟทั่วไป เป็นจุดแข็งที่ทำให้ตู้เต่าบินได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
.
เช่นเดียวกับในประเทศจีนที่มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่รับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันมือถือ เช่น Alipay และ WeChat Pay ของบริษัท Ant Group โดย Shanghai Hi-Dolphin Robot Technology บริษัทผู้ผลิตตู้เครื่องดื่มอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ ที่มีการกระจายของตู้เครื่องดื่มอัตโนมัติไปกว่า 30 เมืองทั่วประเทศจีน และยังส่งออกไปมากกว่า 12 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี และมาเลเซีย
ด้านประเทศมาเลเซีย YesHealth บริษัทผู้ผลิตตู้จำหน่ายอาหารเสริม ได้มีการติดตั้งตู้จำหน่ายอาหารเสริมไปแล้วกว่า 30 เครื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 และมีแผนที่จะขยายไปในอีก 100 สถานที่ในอนาคต
ตามรายงานของ Euromonitor International พบว่า ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาจนถึงปี 2565 ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอัจฉริยะได้ช่วยดันให้ยอดขายตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในประเทศมาเลเซียเพิ่มขึ้น 70%, ประเทศจีนเพิ่มขึ้น 40% และเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในสิงคโปร์และไทย
โดยปัจจัยที่จุดประกายให้เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอัจฉริยะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเอเชียคือ อัตราการชำระเงินผ่านมือถือที่สูง ตามรายงานของ Fidelity National Information Services ระบุว่า 44% ของการชำระเงินในร้านค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น เป็นการชำระเงินผ่านมือถือ ซึ่งมีระดับสูงกว่าในอเมริกาเหนือและยุโรป
ส่วนในประเทศที่พัฒนาแล้ว พบว่า เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติแบบดั้งเดิมที่รับเงินสดเป็นหลัก มียอดการใช้งานลดลง โดยระหว่างปี 2560-2565 ตลาดในญี่ปุ่นมีการหดตัวลง 14% ในขณะที่สหรัฐอเมริกาลดลง 17% เช่นเดียวกับเยอรมนีและฝรั่งเศส
อีกปัจจัยหนึ่งคือ ในเอเชียมีระดับความปลอดภัยเกี่ยวกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ค่อนข้างสูง The Gallup Law and Order Index แสดงให้เห็นถึงการรับรู้ความปลอดภัยสาธารณะของคน โดยในเอเชียตะวันออกมีความปลอดภัยอยู่ที่ระดับ 94 และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 86 ซึ่งมีระดับสูงกว่าในยุโรปและสหรัฐฯ
การขึ้นค่าจ้างจากภาวะเงินเฟ้อ และวิกฤติขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเป็นผลพวงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังเป็นสิ่งกระตุ้นยอดขายของเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ โดยเฉพาะในประเทศที่มีอัตราการเกิดลดลง และกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เช่น จีนและไทย เนื่องจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติช่วยลดต้นทุนด้านแรงงาน ใช้พื้นที่น้อยซึ่งช่วยประหยัดค่าเช่า และสามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในขณะที่อุตสาหกรรมการค้าปลีกมองกำลังมองหาแนวทางการทำธุรกิจในรูปแบบใหม่ Kenichi Shimomura หัวหน้าแผนกเอเชีย-ญี่ปุ่นของบริษัท Roland Berger กล่าวว่า อุตสาหกรรมเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอัจฉริยะของเอเชีย จะยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมค้าปลีกต่อไป เนื่องจากสามารถใช้เพื่อระบุแนวโน้มการบริโภคและการซื้อในภูมิภาคต่างๆ ด้วยต้นทุนที่น้อยลงได้
อ้างอิง