หลังจากที่รัฐมนตรีคลัง เจเน็ต เยลเลน ได้ออกมาเตือนว่า สหรัฐฯ อาจเงินหมดคลังจนผิดนัดชำระหนี้สาธารณะ ซึ่งมีกำหนดภายในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ทำให้คณะบริหาร โจ ไบเดน และสภาคองเกรสมีการหารือร่วมกันเป็นระยะกว่า 1 เดือน ล่าสุด สภาคองเกรสอนุมัติผ่านร่างกฎหมายเพื่อระงับเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา (ตามเวลาสหรัฐฯ) ซึ่งผลการอนุมัติร่างกฎหมายได้รับเสียงโหวตสนับสนุนจากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน
โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่มีรีพับลิกันเป็นเสียงข้างมากได้ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายระงับเพดานหนี้ 314 ต่อ 117 เสียง แบ่งเป็นมติสนับสนุนจากพรรคเดโมแครต 165 คน และพรรครีพับลิกัน 149 คน มติคัดค้านจากพรรครีพับลิกัน 71 คน และพรรคเดโมแครต 46 คน และคาดว่าร่างกฎหมายนี้จะถูกส่งให้วุฒิสภาลงมติภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดนลงนามบังคับใช้กฎหมายก่อนถึงกำหนดการชำระหนี้ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้
รายละเอียดการเจรจา ระบุว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกเจรจาบนพื้นฐานการประนีประนอมผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่าง 2 พรรคการเมืองเดโมแครตและรีพับลิกัน ประกอบด้วย
ข้อกำหนดพื้นฐานในร่างกฎหมายจะทำการระงับวงเงินกู้ยืมของรัฐบาลกลางชั่วคราวจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2568
รัฐบาลจะถูกจำกัดการใช้จ่ายในช่วง 2 ปีหลังจากนี้ โดยกรมสรรพากรจะถูกลดงบประมาณลง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะต้องเผชิญกับการตัดงบประมาณรวมกว่า 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 80 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอีก 10 ปีข้างหน้าหลังจากนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นความต้องการแรกของฝ่ายรีพับลิกัน
กำหนดเพิ่มคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ในโครงการแสตมป์อาหาร (SNAP) ซึ่งให้ความช่วยเหลือด้านโภชนาแก่ชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีรายได้ ด้วยการขยายอายุผู้มีคุณสมบัติจาก 18-49 ปี เป็น 18-54 ปี และยกเลิกสิทธิ์สำหรับคนไร้บ้าน ทหารผ่านศึก และครอบครัวอุปถัมภ์ ข้อกำหนดดังกล่าวจะทำให้จำนวนผู้มีสิทธิ์ในโครงการเท่าเดิม ซึ่งไม่เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับรัฐบาล
เร่งกระบวนการอนุมัติโครงการ Mountain Valley Pipeline ซึ่งเป็นโครงการสร้างท่อขนส่งก๊าซมีเทนระยะทาง 300 ไมล์ ข้ามพื้นที่ต่างๆ ในรัฐเวสต์เวอร์จิเนียและเวอร์จิเนีย ซึ่งถูกต่อต้านโดยกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และพรรคเดโมแครตมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากการสร้างท่อขนส่งจะต้องรุกล้ำพื้นที่ ทางน้ำและพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติขัดกับกฎหมายน้ำบริสุทธิ์ (Clean water act) และเป็นเหตุผลให้โครงการดังกล่าวถูกฟ้องร้องหลายคดีเกี่ยวกับประเด็นสิ่งแวดล้อม
เรียกได้ว่าทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และสภาคองเกรส สามารถหลีกเลี่ยงประเด็นที่จะสร้างผลกระทบแง่ลบทางการเมืองและความเสียหายต่อระบบการเงินสหรัฐฯ ออกไปจนถึงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า
อ้างอิง