ปู่บัฟเฟตต์ มอง ยังไม่มีเงินสกุลใดแทนดอลลาร์ได้ แต่ที่น่าห่วงคือการใช้เงินของรัฐบาลสหรัฐฯมากกว่า

Economics

World Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ปู่บัฟเฟตต์ มอง ยังไม่มีเงินสกุลใดแทนดอลลาร์ได้ แต่ที่น่าห่วงคือการใช้เงินของรัฐบาลสหรัฐฯมากกว่า

Date Time: 8 พ.ค. 2566 13:50 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • Warren Buffett มองสกุลเงินดอลลาร์จะยังเป็นสกุลเงินหลักของโลก และไม่เห็นตัวเลือกสกุลเงินอื่นๆ ที่จะมาทดแทนได้ในเวลานี้

วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับโลก แสดงความเห็นถึงประเด็นการลดบทบาทของสกุลเงินดอลลาร์ (De-Dollarizaiton) ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยย้ำว่า สกุลเงินดอลลาร์จะยังเป็นสกุลเงินหลักของโลก และไม่เห็นตัวเลือกสกุลเงินอื่นๆ ที่จะมาทดแทนได้ในเวลานี้

บัฟเฟตต์ กล่าวถึงวิกฤติในภาคธนาคารที่เกิดขึ้นว่า คณะกรรมการและผู้บริหารธนาคารทั้ง First Republic Bank และธนาคารอื่นที่ล้มก่อนหน้านี้ควรรับผิดชอบและมีบทลงโทษจากการบริหารที่ล้มเหลว และยังออกโรงเตือนการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า “การพิมพ์เงินต่อเนื่องเป็นสิ่งที่บ้ามาก” การอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อรองรับผลกระทบวิกฤติการเงินเฟ้อและช่วงเศรษฐกิจชะงักงันจากการระบาดใหญ่ของโควิด อาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อค่าเงินดอลลาร์ และเพิ่มความกลัวของคนในการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ 

โดยการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยกดดันผู้บริโภคและธุรกิจ ผู้คนจะเริ่มกังวลถึงเงินฝากธนาคาร และมากไปกว่านั้นคือ การผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลในครั้งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมาก บัฟเฟตต์ ย้ำว่า ต้องทำให้ผู้คนเชื่อมั่นว่าเงินออมของพวกเขาจะยังรักษากำลังซื้อส่วนใหญ่ไว้ได้ หากไม่เช่นนั้นอาจลุกลามและเกิดการหยุดชะงักทั่วโลก 

“ความล้มเหลวของธนาคาร Silicon Valley และ Signature Bank ตามมาด้วยการควบรวมกิจการอย่างฉุกเฉินระหว่างธนาคาร UBS และ Credit Suisse และการที่ JPMorgan เข้าซื้อกิจการ First Republic Bank การดำเนินการเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดวิกฤติสินเชื่อที่จะฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ”

อย่างไรก็ตาม บัฟเฟต์ มองว่า ดอลลาร์สหรัฐ จะยังไม่สูญเสียสถานะเป็นสกุลเงินสำรองของโลกเป็นที่แน่นอน และยังไม่มีเงินสกุลใดที่จะก้าวขึ้นมาเป็นทางเลือกแทนที่ดอลลาร์สหรัฐได้ในเวลานี้. 

อ้างอิง Market Insider1Market Insider2


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์