TISCO ESU ประเมิน Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อีกรอบในเดือนก.ค. นี้ และมีโอกาสขึ้นอีก 1.75% ในปีนี้ โดยจะทยอยขึ้นอีก 4 ครั้ง หวั่นกลายเป็นสัญญาณเตือนฉุดเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 65 นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ หรือ TISCO ESU กล่าวว่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed มีมติ 10 - 1 ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% หรือ 75 bps สู่ระดับ 1.50 - 1.75% ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นในอัตรามากสุดนับตั้งแต่ปี 2537 นั้น
ทั้งนี้ นับเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ตรงตามคาดการณ์ของตลาด หลังตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือนพ.ค.ออกมาเร่งตัวขึ้นสวนกับที่คาด ประกอบกับคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาว ของผู้บริโภคโดย U. of Michigan ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.3% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
โดยนาย Jerome Powell ประธาน Fed ระบุในแถลงการณ์หลังการประชุมว่า มีความเป็นไปได้ว่าในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 26 - 27 กรกฎาคมนี้ อาจปรับดอกเบี้ยขึ้นในอัตรา 75 bps อีกครั้ง หรืออาจปรับขึ้นอีก 50 bps
สำหรับแนวโน้มของดอกเบี้ย หรือ Dot Plot ชี้ว่า Fed จะปรับดอกเบี้ยขึ้นจนสู่ระดับ 3.25 - 3.50% ณ สิ้นปีนี้ หรือปรับขึ้นอีก 1.75% หรือ 175 bps ซึ่งมีมุมมองที่เข้มงวดกว่าเดิมจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นไปแตะระดับ 1.75 - 2.00% เท่านั้น
ทั้งนี้ ปี 2566 คาดว่า Fed จะปรับขึ้นแตะระดับ 3.5 - 3.75% และลดลงอยู่ที่ระดับ 3.25 - 3.5% ในปี 2567 โดยคาดการณ์ดอกเบี้ยระยะยาว หรือ Longer-run Rate ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.5% จากเดิม 2.4% ด้านประมาณการเงินเฟ้อ Fed ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ขึ้นสอดรับกับมุมมองดอกเบี้ยที่เข้มงวด (Hawkish) ขึ้นอย่างมาก โดยปรับเงินเฟ้อ PCE ปีนี้ขึ้นเป็น 5.2% จากเดิมเดือน มี.ค. ที่ 4.3%
นายคมศร กล่าวว่า สำหรับมุมมองจากสถานการณ์ข้างต้น เราคาดว่าเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงกลับเข้าสู่เป้าหมาย 2% ได้ช้า นับเป็นแรงกดดันสำคัญให้ Fed ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดย Dot Plot ล่าสุดชี้ Fed จะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 1.75% (175 bps) ในปีนี้ สู่ระดับ 3.25 - 3.50%
ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับดังกล่าว ณ สิ้นปี สามารถดำเนินการได้หลายแบบ แต่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ Fed จะปรับดอกเบี้ยขึ้นในอัตรา 0.75% ต่อเนื่องในการประชุมเดือนก.ค. ด้วย ก่อนที่จะลดลงเป็นอัตรา 0.50% หรือ 50 bps ในการประชุมเดือนก.ย. และเป็นอัตราปกติที่ 0.25% หรือ 25 bps ในการประชุมเดือนพ.ย. และธ.ค.
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เข้มงวดขึ้นอย่างมากนับเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจให้ชะลอลงอย่างรวดเร็วจนอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ Recession ได้ ซึ่งต้องติดตามพัฒนาการตัวเลขเศรษฐกิจต่อจากนี้อย่างใกล้ชิด โดย Bloomberg Economics มองความเสี่ยงเกิด Recession ต้นปี 2567 มีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 72% จากเดือนเมษายนที่คาดว่ามีโอกาสเพียง 45% ที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอย