การบินไทย ลุยซื้อเครื่องบินใหม่ 28 ลำ ชงบอร์ดไฟเขียว ก.ค.นี้ ด้าน “อารีพงศ์” เปิดใจเหตุล้มสรรหาดีดี เหตุขัดข้อกฎหมายที่ผู้สมัครต้องไม่เคยเป็นผู้ค้ากับบินไทย พร้อมปรับทีโออาร์เปิดกว้าง บินไทยแทงกั๊ก! ดูเงื่อนไขโครงสร้างนกแอร์ก่อนตัดสินใจทุ่มเงินเพิ่มทุนหรือไม่ อ้างเงินพร้อมหากลงทุนแล้วไม่เจ๊ง!!
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังประชุมบอร์ดการบินไทย ว่า การบินไทยมีแผนที่จะจัดซื้อเครื่องบินใหม่จำนวน 28 ลำ ในระยะ 5 ปี (2560-2564) เพื่อทดแทนเครื่องบินเก่าเพื่อรักษาฝูงบินไว้ โดยแบ่งเป็นการจัดหาเครื่องบินของการบินไทย 19 ลำและเครื่องบินของสายการบินไทยสมายล์อีก 9 ลำ ส่วนวงเงินรวมในการจัดซื้อยังไม่สามารถตอบได้ เพราะจะต้องกำหนดชนิดของเครื่องบินก่อนจึงจะคำนวณได้ คาดว่าจะเสนอแผนจัดซื้อให้ที่ประชุมบอร์ดการบินไทยพิจารณาอนุมัติในเดือน ก.ค. จากนั้นจะเสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือน ส.ค. และจะเริ่มทยอยจัดซื้อตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เป็นต้นไป ส่วนจะใช้วิธีจัดหาเป็นซื้อหรือเช่าต้องพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง
นางอุษณีย์กล่าวถึงกรณีที่ประชุมบอร์ดการบินไทยครั้งก่อนได้มีมติไม่ให้การบินไทยเข้าไปเพิ่มทุนในสายการบินนกแอร์ เนื่องจากนกแอร์มีการนำเสนอแผนบริหารจัดการ แผนการใช้เงินและผลตอบแทนด้านการลงทุนไม่ชัดเจน แต่แม้จะไม่เข้าไปเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านๆมา การบินไทยก็ให้ความช่วยเหลือนกแอร์มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม หากที่ประชุมบอร์ดนกแอร์ วันที่ 15 มิ.ย. มีมติให้เพิ่มทุนอีก และมีเงื่อนไขผลตอบแทนที่ดี มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนและมีแนวโน้มที่จะมีผลกำไรจากการลงทุนคืนมาให้ การบินไทยก็พร้อมเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน
ด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) ของบริษัทว่า บอร์ดการบินไทยได้ประชุมนัดพิเศษในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการสรรหาได้สัมภาษณ์ผู้สมัครทั้งหมดและสุดท้ายก็ไม่มีใครผ่านเกณฑ์คุณสมบัติตามที่บริษัทต้องการ ดังนั้น ในระหว่างนี้คณะกรรมการจึงมอบหมายให้นางอุษณีย์ รักษาการในตำแหน่งดีดีต่อไป เพื่อให้มีการบริหารงานให้การบินไทยเดินไปตามแผนปฏิรูปได้ ส่วนคณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งดีดี ที่มีนายสมชัย สัจจพงศ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ก็จะเดินหน้าสรรหาดีดีรอบใหม่ต่อไป โดยบริษัทจะหาวิธีทางเพื่อให้สามารถเปิดกว้างรับผู้สมัครมากขึ้น
“เรื่องดังกล่าวติดระเบียบกฎหมายของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะต้องพิจารณาทบทวนคุณสมบัติของผู้สมัครดีดี เนื่องจากการบินไทยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหลายองค์กร ขณะที่ข้อกำหนดของรัฐวิสาหกิจระบุว่า ผู้สมัครต้องไม่เคยทำธุรกิจร่วมกับการบินไทยมาก่อนเพื่อไม่ให้เกิดขัดแย้งทางผลประโยชน์ จากข้อกำหนดนี้ทำให้ผู้สมัครหลายคนที่เก่งเรื่องการตลาด จึงไม่ผ่านคุณสมบัติ ทั้งนี้การเปิดสรรหาดีดีรอบใหม่จะปรับปรุงเงื่อนไขเพื่อให้กว้างขวางขึ้น หรืออาจจะเห็นบุคคลที่มีความสามารถชักชวนเข้ามาร่วมสมัครสรรหาดีดี”
นายอารีพงศ์กล่าวต่อถึงสาเหตุที่การบินไทยไม่เพิ่มทุนในนกแอร์ว่า เพราะที่ผ่านมาการบินไทยมุ่งเน้นแผนปฏิรูปการบินไทยและสร้างความร่วมมือ กับไทยสมายล์ ซึ่งผู้ถือหุ้นการบินไทยก็ตอบรับการตัดสินใจดังกล่าวเป็นอย่างดี รวมทั้งบอร์ดบางคนได้ท้วงติงว่าแผนบริหารจัดการของนกแอร์ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่บอร์ดเองก็มีหน้าที่ในการรับผิดชอบ ดูแลเงินและผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นและองค์กร
“ขณะนี้การบินไทยมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ในนกแอร์ลดลง 21.5% ดังนั้นการบินไทยจะต้องรักษามูลค่าเงินลงทุนเอาไว้ให้ดีที่สุดและไม่ยอมให้นกแอร์ล้มแน่นอน ส่วนจะเพิ่มทุนหรือไม่เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาแยกกัน และไม่จำเป็นต้องถือหุ้นใหญ่ เพราะสัดส่วน 21% ก็ถือว่าครอบคลุมแล้ว หากนกแอร์มีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามายอมรับว่าสัดส่วนการบินไทยอาจลดลงอีก แต่ถ้าผู้ถือหุ้นใหม่ทำให้นกแอร์รอดก็เป็นเรื่องที่ดี”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ว่า วานนี้ (15 มิ.ย.) ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) สายการบินนกแอร์ได้หารือถึงการดำเนินธุรกิจขององค์กรในภาพรวมและหลักการการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement : PP) เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง แต่ที่ประชุมบอร์ดก็ยังไม่ได้เห็นชอบให้ขายหุ้นเพิ่มทุนรอบใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการและการขายหุ้นเพิ่มทุนยังขาดตัวเลขสำคัญ เช่น วงเงิน เป้าหมาย และเงื่อนไขในการเพิ่มทุน ดังนั้นจึงมอบหมายให้ทีมบริหารไปรวบรวมข้อมูลที่ชัดเจนก่อนนำเสนอบอร์ดให้ตัดสินใจอีกครั้ง.