สุริยะ นำทัพทีม กทท. ลงนาม LOI กับเมืองโยโกฮาม่า พัฒนาท่าเรือสู่สากล ตอกย้ำความสัมพันธ์ 10 ปี

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สุริยะ นำทัพทีม กทท. ลงนาม LOI กับเมืองโยโกฮาม่า พัฒนาท่าเรือสู่สากล ตอกย้ำความสัมพันธ์ 10 ปี

Date Time: 23 ม.ค. 2568 17:30 น.

Video

“ยาดมพันล้าน” เซียงเพียว - เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ | Brand Story Exclusive EP.7

Summary

  • “สุริยะ” นำการท่าเรือฯ ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงร่วมกับเมืองโยโกฮาม่า ย้ำความสัมพันธ์ครบรอบ 10 ปี ศึกษาโมเดลญี่ปุ่นพัฒนากิจการท่าเรือ – โครงสร้างพื้นฐาน – บุคลากร – สิ่งแวดล้อม – ชุมชน ให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วยความยั่งยืน

Latest


สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังนำการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างการท่าเรือฯ และเมืองโยโกฮาม่า และประชุมร่วมกับบริษัท Yokohama-Cargo-Center (YCC) ว่า การลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent : LOI) ฉบับใหม่ครั้งนี้ เพื่อยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านการพัฒนากิจการท่าเรือ โครงสร้างพื้นฐานและพื้นที่หลังท่าเรือ ส่งเสริมการตลาด เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ชุมชนของทั้งสองท่าเรือ เพื่อก้าวเป็นท่าเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน

รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือเชิงวิชาการระหว่างกัน โดยเมืองโยโกฮาม่าจะสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมการศึกษาโครงการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพและการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญ (Flagship Project) ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และจะสนับสนุนความช่วยเหลือเชิงวิชาการในด้านการพัฒนาท่าเรือสีเขียว การส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) มุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อม พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและการตลาดเชิงรุก เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันในอนาคต

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างการท่าเรือฯ และเมืองโยโกฮาม่า และ ประชุมร่วมกับบริษัท Yokohama-Cargo-Center (YCC)
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างการท่าเรือฯ และเมืองโยโกฮาม่า และ ประชุมร่วมกับบริษัท Yokohama-Cargo-Center (YCC)

มิตรภาพ 10 ปี ร่วมพัฒนาสู่มาตรฐานสากล

ชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการการท่าเรือฯ กล่าวต่อว่า การเดินทางเยือนโยโกฮาม่าในครั้งนี้ เป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 10 ปี ระหว่างการท่าเรือฯ และเมืองโยโกฮาม่า แสดงถึงมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่นที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องและมั่นคงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2557

อีกทั้ง ท่าเรือโยโกฮาม่ายังมีการพัฒนาท่าเรือที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล มุ่งเน้นการยกระดับการให้บริการท่าเรือที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย รวดเร็ว และแม่นยำ ส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือเพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ พัฒนาพื้นที่หลังท่าเพื่อให้เกิดการบูรณาการที่เชื่อมโยงระบบการขนส่ง เพื่อลดปัญหาการจราจร และลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ทั้งยังมีการพัฒนาโครงการ Minato Mirai 21 ซึ่งเป็นพื้นที่ริมน้ำสำหรับชุมชนและเป็นจุดชมวิวที่สำคัญ ที่สามารถสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่รวมถึงการสร้างงานให้กับชุมชน

นอกจากนี้ ท่าเรือโยโกฮาม่ายังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมการขนส่งทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยการประกาศนโยบาย Net Zero Carbon ภายในปี 2593 ซึ่งสนับสนุนการใช้เรือลากจูงพลังงานแอมโมเนีย และให้สิทธิพิเศษกับรถบรรทุกและเรือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นต้นแบบในการพัฒนาเพิ่มศักยภาพและยกระดับมาตรฐานของการท่าเรือฯ ต่อไป

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมร่วมกับบริษัท Yokohama-Cargo-Center (YCC)
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมร่วมกับบริษัท Yokohama-Cargo-Center (YCC)

ท่าเรือโยโกฮาม่าโมเดล ต่อยอดร่วมพัฒนา 4 โครงการ

เกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังพิธีลงนามฯ และการหารือในครั้งนี้ ทราบว่าการพัฒนาในด้านต่างๆ ของท่าเรือโยโกฮาม่า มีแนวทางการพัฒนาและกำหนดนโยบายเช่นเดียวกับกระทรวงคมนาคมที่มุ่งเน้นการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่กับการบริหารจัดการด้านจราจร ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวสู่ Smart & Green Port รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งการเดินทางมาศึกษาดูงานในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับการท่าเรือฯ ในการแลกเปลี่ยนมุมมองการพัฒนาท่าเรือและสามารถนำมาปรับใช้กับการพัฒนาท่าเรือ รวมทั้งต่อยอดในโครงการต่างๆ ในหลายประเด็นประกอบด้วย

1) การพัฒนาท่าเรือให้เป็นเมืองท่าและศูนย์กระจายสินค้า การพัฒนาศูนย์โลจิสติกส์ของท่าเรือโยโกฮาม่าสามารถเป็นหนึ่งในต้นแบบสำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพประกอบด้วย 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าอาคารสำนักงาน และพื้นที่สนับสนุนท่าเรือกรุงเทพ (Bangkok Logistics Park) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศได้ถึง 1.41 พันล้านบาท หรือประมาณ 0.01% ของ GDP อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพ ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของท่าเรือกรุงเทพให้เป็นท่าเรือที่ทันสมัยสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาค

2) การพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่หลังท่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน การพัฒนาพื้นที่หลังท่าของเมืองโยโกฮาม่า โดยเฉพาะการพัฒนาทางยกระดับ ถือเป็นแนวทางในการต่อยอดโครงการพัฒนาทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) เพื่อเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพกับทางพิเศษ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า ลดปัญหาจราจรติดขัดรอบพื้นที่ท่าเรือ รองรับการขยายตัวของโครงการ Smart Community และ Smart City และเพิ่มมูลค่าที่ดินของการท่าเรือฯ

นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรอบด้วยการลดปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุ จากการศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจพบว่าโครงการนี้มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) อยู่ในช่วง 1,187.02 - 1,528.77 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนภายในจากการลงทุน (EIRR) อยู่ระหว่าง 17.99% - 19.51% และอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน (B/C Ratio) อยู่ที่ 1.60 - 1.77 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าในการลงทุน

(เรียงจากขวาไปซ้าย) สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม , ชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)
(เรียงจากขวาไปซ้าย) สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม , ชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)

3) การพัฒนาระบบการให้บริการโลจิสติกส์เพื่อลดปัญหาการจราจร โดยพัฒนาพื้นที่จุดพักรถบรรทุก (Truck Parking) ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการจราจร (Truck Q) เพื่อลดปัญหาการจราจรทั้งภายในและภายนอกท่าเรือ

4) การพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญและสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว การบริหารจัดการและพัฒนาท่าเรือท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพ โดยพัฒนาโครงการ Bangkok Port Passenger Cruise Terminal บนพื้นที่ 67.41 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งและการท่องเที่ยวทางน้ำ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งเสริมเศรษฐกิจในระยะยาว

นอกจากนี้ การท่าเรือฯ จะเร่งพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะระบบ Port Automation และ Port Community System รวมทั้งการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการดำเนินงาน ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี" ได้ที่ 
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ


ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ