เปิดแผน “วรศ” ปรับทัพรถไฟไทย บริหารทรัพย์สิน 2 แสนไร่สร้างรายได้

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เปิดแผน “วรศ” ปรับทัพรถไฟไทย บริหารทรัพย์สิน 2 แสนไร่สร้างรายได้

Date Time: 11 ม.ค. 2568 07:30 น.

Summary

  • “วีริศ” เปิดวิสัยทัศน์ปั้นฝันพา “รถไฟไทย” สร้างรายได้โตอย่างยั่งยืน จับมือ SRTA บริหารที่ดินเจ้าคุณปู่ 2 แสนไร่ เปิดนำร่องพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่ดินทำเลทอง 35 แปลงทั่วไทย ปลุก “รถไฟท่องเที่ยว” สร้างรายได้ มั่นใจโกยรายได้ลดขาดทุนแสนล้าน เดินหน้าลุยสร้างรถไฟไฮสปีด “ไทย จีน–เชื่อมสามสนามบิน”

Latest

Easy E-Receipt 2568 ลดหย่อนเท่าไร ซื้ออะไรได้บ้าง

“วีริศ” เปิดวิสัยทัศน์ปั้นฝันพา “รถไฟไทย” สร้างรายได้โตอย่างยั่งยืน จับมือ SRTA บริหารที่ดินเจ้าคุณปู่ 2 แสนไร่ เปิดนำร่องพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่ดินทำเลทอง 35 แปลงทั่วไทย ปลุก “รถไฟท่องเที่ยว” สร้างรายได้ มั่นใจโกยรายได้ลดขาดทุนแสนล้าน เดินหน้าลุยสร้างรถไฟไฮสปีด “ไทย จีน–เชื่อมสามสนามบิน”

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งในฐานะผู้ว่าการการรถไฟฯ คนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ตนมีโอกาสได้ลงพื้นที่ดูงานในเส้นทางรถไฟต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงโครงการก่อสร้างสำคัญๆของรถไฟ ทั้งโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่, โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน, รวมถึงการดำเนินการในการขนส่งสินค้าในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ การเดินขบวนรถโดยสารและขบวนรถสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งแต่ละส่วนงานล้วนแต่สร้างประสิทธิภาพการขนส่งทางรถไฟทั้งสิ้น

ซึ่งในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมานั้น ทำให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสที่จะทำให้รถไฟสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วยตัวเอง และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ลดขาดทุนกว่าแสนล้านบาทได้ ในการดำเนินการ 6 ภารกิจหลัก ประกอบด้วย 1.ดำเนินกิจการเพิ่มรายได้ 2.พัฒนาการให้บริการของ รฟท. 3.ลดค่าใช้จ่าย 4.พัฒนาบุคลากร 5.เร่งรัดโครงการ โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาล 6.ดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

จับมือ SRTA บริหารที่ดินเจ้าคุณปู่

นายวีริศกล่าวย้ำว่า ประเด็นสำคัญที่จะสร้างรายได้ให้กับรถไฟนอกจากการเดินรถแล้วนั้น รฟท.จะต้องเข้าบริหารสินทรัพย์ร่วมกับ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รฟท. ผลักดันให้เกิดการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง (TOD) กับการเดินรถรูปแบบ Open Acces ภายใต้โครงการเดียวกัน เพื่อลดภาระการเดินรถในสายทางที่ไม่มีกำไร สนับสนุนให้เกิดการเพิ่ม FAR (Floor Area Ratio) เพื่อให้ รฟท.ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการพัฒนาที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันเร่งรัดจัดการสัญญาสินทรัพย์มูลค่าสูง เช่น ที่ดินแปลงใหญ่ที่เคยดำเนินการผ่าน PPP

โดยการรถไฟฯมีที่ดินทั้งสิ้น 246,880 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ Core Business ซึ่งเป็นพื้นที่ย่านสถานี ที่ทำการ เขตทางรถไฟ จำนวน 201,868 ไร่ และพื้นที่ Non-Core Business ที่สามารถนำไปทำประโยชน์ได้ จำนวน 45,012 ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพเชิงพาณิชย์ สามารถนำไปพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจำนวน 33,761 ไร่

นอกจากนี้ ในปัจจุบันการรถไฟฯได้ส่งมอบแฟ้มสัญญาเช่า และการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Non Core) ให้กับ SRTA อย่างเป็นทางการ จำนวน 12,233 สัญญา บนพื้นที่กว่า 38,469 ไร่ เพื่อให้บริษัทลูกของการรถไฟฯ นำไปบริหารจัดการสัญญาเช่า โดยที่ทรัพย์สินทั้งหมดยังเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ

ปั้นที่ดิน 35 แปลงทำเลทองสร้างรายได้

นายวีริศกล่าวต่อว่า การรถไฟมีแผนที่จะนำที่ดินแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์อีก 35 แปลง มาพัฒนาเพื่อสร้างรายได้ เบื้องต้นทางบริษัท SRTA ได้จัดทำแผนพัฒนาพื้นที่โครงการ ออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ แผนเร่งด่วน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปี 2568 จำนวน 8 แปลง ประกอบด้วย 1.โครงการบางซื่อ-คลองตัน (RCA) 2.โครงการศิลาอาสน์แปลงย่อย และ 3.โครงการย่านบางซื่อ (แปลง A2) สถานีขนส่ง 4.โครงการสถานีราชปรารภ (แปลง OA) 5.โครงการถนนพหลโยธิน (หัวมุม อตก.) 6.โครงการย่านสถานีหนองคาย (แปลง 5) 7.โครงการย่านสถานีหนองคาย (แปลง 7) 8.โครงการตลาดคลองสาน
ส่วนแผนระยะกลาง ปี 2569-2572 จะนำที่ดิน 18 แปลงมาดำเนินการ ประกอบด้วย 1.โครงการย่านสถานีแม่น้ำ 2.โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง D) 3.โครงการย่านบางซื่อ กม.11 (แปลง G2-G8) 4.โครงการบริเวณท่านุ่น 5.โครงการย่านบางซื่อ (แปลง E1) 6.โครงการย่านบางซื่อ (แปลง A2) สถานีขนส่ง

7.โครงการย่านสถานีมักกะสัน (แปลง B CE) 8.โครงการย่านชุมทางหาดใหญ่ (แปลง D) 9.โครงการตลาดศาลาน้ำร้อน (สถานีธนบุรี) 10.โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง C) 11.โครงการบางซื่อ (แปลง A1) สนง.ใหญ่ รฟท. 12.โครงการย่านบางซื่อ (แปลง A3-5) 13.โครงการพัฒนาพื้นที่ขอนแก่น (แปลง BC D) 14.โครงการย่านบางซื่อ (แปลง E2) 15.โครงการย่านชุมทางหาดใหญ่ (แปลง E) 16.โครงการย่านสถานีอุบลราชธานี 17.โครงการพัฒนาพื้นที่ศิลาอาสน์ (124 ไร่) 18.โครงการย่านสถานีนครราชสีมา (แปลง E)

ส่วนแผนระยะยาว ปี 2573-2577 จะมีการนำที่ดินมาพัฒนา 9 แปลง ประกอบด้วย 1.โครงการพัฒนาพื้นที่ธนบุรี 21 ไร่ 2.โครงการย่านชุมทางหาดใหญ่ (แปลง AF G) 3.โครงการย่านสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) 4.โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง F) 5.โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง B) 6.โครงการพื้นที่ที่หยุดรถตลาดหนองคาย 7.โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง H) 8.โครงการย่านสถานีบางซื่อ (แปลง I) 9.โครงการย่านสถานีนครราชสีมา (แปลง F)

เดินหน้าลุยสร้างรถไฟไฮสปีด

นายวีริศกล่าวต่อว่า ในส่วนของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) นั้น ยืนยันว่า การรถไฟจะยังคงเดินหน้าผลักดันโครงการให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้มีมติเห็นชอบในการแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยให้มีการปรับปรุงสัญญาร่วมลงทุน เพื่อผลักดันให้โครงการ เดินหน้าพัฒนาต่อไปได้ บนพื้นฐานที่ภาครัฐจะต้องไม่เสียประโยชน์ และภาคเอกชนต้องไม่ได้ประโยชน์เกินสมควร ขณะนี้เตรียมเสนอหลักการแก้ไขสัญญาต่อ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติตามกรอบการดำเนินงานเดิม ซึ่งคาดว่าจะนำเข้า ครม.เพื่อพิจารณาในหลักการประมาณเดือนมกราคม 2568

ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไทย-จีน) ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร งบประมาณลงทุนจำนวน 341,351 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอ ครม. เพื่ออนุมัติโครงการ คาดเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือนพฤศจิกายน 2568

เร่งเพิ่มรายได้จาก “รถไฟท่องเที่ยว”

นายวีริศกล่าวเสริมว่า ปัจจุบันการรถไฟฯ ได้เปิดให้บริการขบวนรถพิเศษนำเที่ยวในช่วงวันหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ที่หลากหลายรูปแบบ ทั้ง ขบวนรถจักรไอน้ำนำเที่ยว ขบวนรถนำเที่ยวน้ำตก สวนสนประดิพัทธ์ และการให้บริการท่องเที่ยวด้วย ขบวนรถ KIHA 183 ขบวนรถนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และขบวนรถ Royal Blossom ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

ขณะเดียวกันการรถไฟยังได้จัดโปรแกรมขบวนรถพิเศษนำเที่ยวใหม่ๆในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวได้ในทุกเทศกาล ทั้งในพื้นที่เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศ ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน) มีนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการเที่ยวกว่า 100,000 คน ทั้งนี้ คาดว่าตลอดปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการมากกว่า 150,000 คน

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงานรถไฟนำเที่ยว ประจำปีงบประมาณ 2567 (เดือนตุลาคม 2566-กันยายน 2567) มีนักท่องเที่ยวจำนวนทั้งสิ้น 178,116 คน มีรายได้กว่า 51.55 ล้านบาท ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2568 การรถไฟฯ จึงได้เร่งทำแผนงานที่จะเพิ่มบริการรถนำเที่ยว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้ให้รถไฟกว่า 82 ล้านบาท

และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟอย่างต่อเนื่อง การรถไฟฯยังได้เตรียมแผนขยายฐานการตลาด โดยเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่สนใจเช่ารถเหมาขบวนท่องเที่ยว ทั้งในรูปแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืน โดยนักท่องเที่ยวสามารถดีไซน์รูปแบบการท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง ซึ่งในส่วนนี้มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้มุ่งสู่เป้าหมายของรัฐบาลในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ