แคมเปญใหม่รัฐบาลแพทองธาร "โอกาสไทย ทำได้จริง"

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

แคมเปญใหม่รัฐบาลแพทองธาร "โอกาสไทย ทำได้จริง"

Date Time: 16 ธ.ค. 2567 09:40 น.

Summary

  • เกือบ 100 วัน ที่รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ได้เข้ามาบริหารประเทศ ฤกษ์ดีมีชัยในโอกาสครบรอบ 90 วัน น.ส.แพทองธาร ได้เปิดแถลงผลงานที่ทำมา รวมถึงประกาศนโยบาย “โอกาสไทย ทำได้จริง” เดินหน้าขับเคลื่อนให้คนไทย “มีกิน มีใช้ มีศักดิ์ศรี”

Latest

Easy E-Receipt 2568 ลดหย่อนเท่าไร ซื้ออะไรได้บ้าง

เกือบ 100 วัน ที่รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ได้เข้ามาบริหารประเทศ

ฤกษ์ดีมีชัยในโอกาสครบรอบ 90 วัน น.ส.แพทองธาร ได้เปิดแถลงผลงานที่ทำมา รวมถึงประกาศนโยบาย “โอกาสไทย ทำได้จริง” เดินหน้าขับเคลื่อนให้คนไทย “มีกิน มีใช้ มีศักดิ์ศรี”

มอบโจทย์ให้รองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 ประกอบด้วย พิชัย ชุณหวชิร อนุทิน ชาญวีรกูล ประเสริฐ จันทรรวงทอง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ภูมิธรรม เวชยชัยและพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปเร่งขับเคลื่อนผลงานให้เห็นเป็นที่ประจักษ์โดยเร็วที่สุด

ได้ชื่อว่าเป็น “เซียนเศรษฐกิจ” การประกาศนโยบาย “โอกาสไทย ทำได้จริง” ของ น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ครอบคลุมนโยบายเศรษฐกิจที่น่าสนใจมากมาย “ทีมเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” จึงขอหยิบยกนโยบายสำคัญบางส่วนมาเผยแพร่ หวังให้เกิดการตรวจสอบ ติดตามการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีหญิงอายุน้อยที่สุดท่านนี้ เริ่มจาก...

การแจกเงินสด 10,000 บาท ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว มีคนได้รับสิทธ์ิ 14.50 ล้านคน เป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับสิทธ์ิสวัสดิการรัฐและผู้พิการ ถือเป็นเฟสแรกของการแจกเงิน

ขณะที่เฟส 2 เตรียมแจกผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป อีกไม่เกิน 3.5 ล้านคน โดยจะแจกก่อนเทศกาลตรุษจีนปี 2568 ซึ่งตรงกับวันที่ 29 ม.ค.2568

ส่วนเฟส 3 จะแจกเป็นเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อขับเคลื่อนความเป็นรัฐบาลดิจิทัล ทำให้ข้อมูลประชาชนเชื่อมตรงกับรัฐบาล เมื่อมีมาตรการช่วยเหลือครั้งต่อไปจะได้ตรงจุด ตรงกลุ่มเป้าหมาย เดินหน้าสู่สังคมไร้เงินสด แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะแจกเงินเมื่อใด แต่กำลังเร่งดำเนินการ ไม่เกินไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 แน่นอน

โดยขอย้ำว่าจะไม่มีใครได้รับสิทธิ์เงินหมื่นซ้ำซ้อนแน่นอน!!

ถัดมาเป็นเรื่อง การแก้หนี้ ล้างหนี้ให้กับคนไทย ซึ่งเป็นวาระหลักของรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สะสมมานาน โดยลูกหนี้จะต้องเป็นหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) อายุไม่เกิน 1 ปี ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เน้นหนี้บ้าน ไม่เกิน 5 ล้านบาท รถยนต์ ไม่เกิน 800,000 บาท หนี้รถจักรยานยนต์ไม่เกิน 50,000 บาท และเอสเอ็มอี ไม่เกิน 5 ล้านบาท ใช้เงินเบ็ดเสร็จราว 78,000 ล้านบาท โดยลูกหนี้ต้องชำระเงินต้น ส่วนดอกเบี้ยพักไว้ 3 ปี

ทั้งนี้ การช่วยล้างหนี้ให้ประชาชน แลกมาด้วยการลดการนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินของธนาคารพาณิชย์จาก 0.46% เหลือ 0.23% และใช้เงินตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 เพื่อนำมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการพักดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ 3 ปี รวมทั้งล้างหนี้ให้กับลูกหนี้ที่มีมูลหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท

ต่อด้วย นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และทุกเส้นทาง ซึ่งขณะนี้เริ่มดำเนินการแล้ว 2 เส้นทาง คือ สายสีแดงและสายสีม่วง โดยภายในเดือน ก.ย.2568 จะครอบคลุมทุกสี ทุกเส้นทาง

และในอนาคตจะสามารถให้บริการในลักษณะตั๋วร่วมได้ นั่นคือใช้ตั๋วเดินทางเดียว ไปได้หมดทุกสาย โดยคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กำลังเข้าสู่กระบวนการทางรัฐสภาต่อไป

นอกจากค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายแล้ว ยังจะมีการสร้างงาน สร้างอาชีพจากการขุดลอกคู คลอง แม่น้ำ เพื่อแก้การตื้นเขิน โดยจะมีการแก้ไขกฎหมายของกรมเจ้าท่า ให้ประชาชนขุดดินในแม่น้ำ-ลำคลองไปขายได้ เพื่อลดภาระการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐและทำให้แม่น้ำ คู คลองสวยงาม น้ำไม่เปลี่ยนทิศทางช่วงฤดูฝน

ส่วนการลดฝุ่น PM 2.5 ได้เร่งดำเนินการ โดยกำชับโรงงานอ้อยและน้ำตาล งดซื้ออ้อยที่เผาทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงผลิตภัณฑ์การเกษตรอื่นๆด้วย

สำหรับ การดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ นั้น ประเทศไทยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของภูมิภาค ขณะนี้มีบริษัทระดับโลกหลายรายเข้ามาลงทุนทำศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Data center) ในไทยแล้ว

แต่การดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาจะมีสิ่งที่นักลงทุนสอบถามทุกครั้ง นั่นคือสัดส่วนพลังงานสะอาดที่ประเทศไทยผลิต เพราะในโลกยุคใหม่ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

หากไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมพอ การส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องจะลำบากขึ้น เนื่องจากกฎกติกาโลกบังคับให้มีสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นเรื่อยๆ

ประเทศไทยจึงต้องปรับโครงสร้าง เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด รวมทั้งขจัดต้นทุนที่ไม่จำเป็นด้านพลังงาน เพื่อทำให้ราคาพลังงานถูกลง นอกจากจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนแล้ว ยังช่วยลดภาระให้คนไทยด้วย

การทลาย ปลดล็อก “ทุนผูกขาด” เพราะ “การผูกขาดทุกชนิด” เป็นการเพิ่มต้นทุนให้ประชาชน ทำให้พี่น้องประชาชนยากจนลง รัฐบาลจะเร่งปลดล็อกการผูกขาด โดยเฉพาะเรื่องข้าว ตั้งเป้าให้เกษตรกรทุกคนและผู้ค้าข้าวที่เป็นเอสเอ็มอีสามารถส่งออกข้าวไปทั่วโลกได้เอง

เช่นเดียวกันต้องปลดล็อกการผูกขาดราคาพลังงาน ปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า เพื่อทำให้ค่าพลังงานถูกลงให้ได้ภายในปี 2568

นอกจากนี้ จะต้องนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินและกำกับให้ถูกกฎหมาย ซึ่งธุรกิจใต้ดินมีมูลค่ากว่า 49% ของจีดีพีไทย

รวมถึง การส่งเสริม “สุราชุมชน” เชื่อว่าเกษตรกรจะได้ประโยชน์จากนโยบายสุราชุมชน จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มต่างๆของไทย เช่น ซอฟต์ดริงก์ ทั้งน้ำแร่ น้ำหวาน มีการส่งออกมากกว่าปีละ 70,000 ล้านบาท รัฐสามารถเก็บภาษีได้ถึง 185,000 ล้านบาทต่อปี

การนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน การส่งเสริมสุราชุมชนจะทำให้รัฐจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น และภาษีที่เพิ่มขึ้นสามารถนำมาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยทุกคน

ปิดท้ายด้วยนโยบายไฮไลต์ บ้านเพื่อคนไทย บ้านหลังแรกสำหรับคนเริ่มทำงาน เงินเดือนไม่เกิน 20,000 บาท และคนที่ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองมาก่อน เป็น “บ้านหลังแรก” ที่ไม่ต้องมีเงินดาวน์ ผ่อนเดือนละ 4,000 บาท เหมือนจ่ายค่าเช่า สัญญา 25–30 ปี ราคาบ้าน 1.25 –1.50 ล้านบาท มีสิทธิ์อยู่อาศัย 99 ปี และไม่ซ้ำรอยกับโครงการบ้านเอื้ออาทร

โดยได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ ซึ่งกำกับดูแลที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศ กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งครอบครองที่ดินจำนวนมาก ไปร่วมกันพิจารณาที่ดิน เพื่อจัดสรรสร้างที่อยู่อาศัยให้คนไทย ทั้งบ้านเดี่ยว 20 ตารางวา และคอนโดมิเนียมขนาด 30 ตารางเมตร ภายในปี 2568 จะทยอยเห็นพื้นที่ที่จะดำเนินโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย”

เบื้องต้นคาดว่า จะนำร่องในพื้นที่ของการรถไฟฯ กม.11 ถนนรามอินทรา สร้างเป็นโครงการบ้านเดี่ยว และเปิดให้มีการลงทะเบียนก่อน เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติว่าครบถ้วนหรือไม่ หากครบถ้วนก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ

ส่วนการให้สินเชื่อ มอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รับดำเนินการเกี่ยวกับสัญญาการเงิน คือ ผ่อนชำระผ่าน ธอส. แต่หากสถาบันการเงินใดสนใจเข้าร่วม ก็สามารถแจ้งความประสงค์ได้

นโยบาย “บ้านเพื่อคนไทย” จะทำควบคู่กับการแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ เพื่อขยายระยะเวลาการเช่าที่รัฐ จาก 30 ปี เป็น 99 ปี นอกจากเป็นหลักประกันให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้ประชาชนแล้ว ยังจะช่วยดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติด้วย ขณะนี้การแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าใช้เวลาราว 1 ปี

และนี่คือนโยบายสำคัญด้านเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลภายใต้การนำของ “แพทองธาร ชินวัตร” ประกาศเอาไว้ในวาระปฏิบัติหน้าที่ครบ 90 วัน

....จากนี้จะเดินหน้านโยบายต่างๆ ดังที่ได้ลั่นวาจาไว้ได้หรือไม่อย่างไร เป็นหน้าที่ของคนไทยที่ต้องติดตาม ตรวจสอบ.

ทีมเศรษฐกิจ


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ