นับเป็นความร่วมมือแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนครั้งสำคัญ หลังเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้ตัวแทนกระทรวงการคลังหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เรื่องมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยลูกหนี้รายย่อยให้กลับมามีศักยภาพชำระหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ และผ่อนปรนเกณฑ์เข้าถึงสินเชื่อ
โดยเบื้องต้นเสนอแนวทางให้พักการชำระดอกเบี้ยชั่วคราว 3 ปี ยืดระยะเวลาผ่อนเงินต้นและให้ผ่อนชำระหนี้เพียงครึ่งหนึ่ง โดยข้อมูลของลูกหนี้ดังกล่าวจะยังถูกรายงานต่อเครดิตบูโร
ความคืบหน้าล่าสุดหลังหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดเผยว่า หลักคิดของโครงการแก้หนี้คือ ต้องการช่วยให้ลูกหนี้สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ รวมถึงผู้ประกอบการ SMEs ที่ผ่อนชำระหนี้บ้านและหนี้รถไม่ไหว สามารถผ่อนต่อได้ ป้องกันไม่ให้เป็นหนี้จนถูกยึดบ้านและรถซึ่งเป็นทรัพย์สินใช้หาเลี้ยงชีพ โดยประกอบด้วย 2 แนวทาง
1. ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการได้จะเป็นลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้ไม่เกิน 1 ปี โดยจะได้รับการพักชำระดอกเบี้ยชั่วคราวเป็นเวลา 3 ปี และต้องผ่อนชำระเงินต้นครึ่งหนึ่ง
2. เมื่อเข้าร่วมโครงการลูกหนี้จะถูกควบคุมพฤติกรรม ห้ามก่อหนี้ใหม่ตามระยะเวลาที่กำหนด หากลูกหนี้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ได้ ก็จะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยทั้งหมด แต่หากไม่สามารถปฏิบัติตามได้ดอกเบี้ยที่พักไว้ก็จะถูกนำกลับมาคิดเช่นเดิม
ปัจจุบันลูกหนี้ NPL ในระบบธนาคารพาณิชย์ มีสัดส่วนประมาณ 3% ของสินเชื่อรวม หมายความว่า สินเชื่อบ้านและสินเชื่อรถยนต์ที่อยู่ใน 3% นี้สามารถเข้าโครงการได้หมด สำหรับลูกหนี้ที่ฉวยโอกาสหยุดชำระหนี้เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ยกเว้นดอกเบี้ยตามโครงการจะต้องระวังผลกระทบข้างเคียง คือไม่สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายละเอียดโครงการทั้งหมด กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการประกาศให้ทราบในระยะต่อไป โดยคาดว่าจะเร่งให้โครงการแก้หนี้ดำเนินการได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างหนี้เป็นเรื่องที่ธนาคารทำได้อยู่แล้ว แต่ต้องมีการสร้างกลไกชดเชยภาระดอกเบี้ยที่ออกแทนลูกหนี้ โดยรัฐบาลและธนาคารต้องร่วมมือกัน
“แม้ภาพรวมคุณภาพหนี้ของธนาคารพาณิชย์แย่ลง แต่อัตราการไหลของหนี้เสียเริ่มชะลอลง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม หากโครงการแก้หนี้ประกาศใช้คาดว่าจะช่วยบรรเทาสถานการณ์หนี้ครัวเรือนให้ดีขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการหนี้ของธนาคาร โดยมองว่าโครงการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคาร” ปิติ กล่าว
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney