นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ส่งออกปลาทูน่ากระป๋องของไทยว่า ไทยครองตำแหน่งผู้นำตลาดทูน่ากระป๋องมาอย่างยาวนาน จากปัจจัยสนับสนุนให้การส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง เช่น ค่าแรงที่แข่งขันได้ และการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้ในอุตสาหกรรม ทำให้สามารถพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการผลิตของสินค้าจนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และล่าสุดช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปีนี้ ส่งออกได้สูงถึง 1,851 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 65,984 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 20.73% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 66 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และออสเตรเลีย รวมถึงผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญ ความสะดวกสบาย ราคาย่อมเยา ใส่ใจสุขภาพ และการกักตุนอาหารกระป๋อง จากความกังวลสถานการณ์สงคราม ทำให้ทูน่ากระป๋องตอบโจทย์วิถีชีวิตในปัจจุบัน
“แต่ในช่วงต่อไป อุตสาหกรรมทูน่ากระป๋องต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะเงินเฟ้อและการแข็งค่าของเงินบาท ที่กระทบกำลังซื้อและการส่งออก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ปริมาณปลาทูน่าลดลง และส่งผลต่อต้นทุนการผลิต ตลอดจนมาตรการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น การทำประมงอย่างยั่งยืน มาตรการด้านแรงงาน ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น รักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้า ใช้นวัตกรรมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในสินค้า ซึ่งจะนำมาซึ่งโอกาสในการขยายตลาดให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน”