นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังปิดห้องหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ ธปท. ว่ามีหลายเรื่องที่ต้องคุยกันให้ลึกซึ้งถึงรายละเอียด โดยเรื่องแรกคือ หนี้ครัวเรือน เพราะหนี้ครัวเรือนครั้งนี้มีจำนวนมาก และแก้ยากกว่าปี 2540 มาก เพราะเป็นหนี้ของรายย่อย และมีจำนวนมาก แตกต่างจากปี 2540 ที่เป็นบริษัทใหญ่ไม่กี่บริษัท โดยหลังจากที่ในส่วนของธนาคารรัฐได้ดำเนินมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนไปได้แล้วระดับหนึ่ง ก็อยากให้เกิดผลในส่วนของสถาบันการเงินเอกชน และผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์)
นายพิชัย กล่าวว่า สำหรับเรื่องอัตราดอกเบี้ยและเกี่ยวเนื่องมาถึงค่าเงินบาท ยังยืนอยู่ในหลักการว่าเป็นหน้าที่ในการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งจะมีการประชุมกันครั้งต่อไปในวันที่ 16 ต.ค. นี้ ซึ่งครั้งนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนสถานการณ์ในด้านเศรษฐกิจ เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณา “ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น เมื่อได้แลกเปลี่ยนมุมมองของสถานการณ์ไปแล้ว เชื่อว่าในการประชุมครั้งต่อไปนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินจะต้องพิจารณากันอย่างหนัก อย่างละเอียด และต้องมีเหตุผลในการตอบที่ชัดเจน รัฐบาลอยากให้ลดดอกเบี้ย โดยผลจากการลดดอกเบี้ยมีผลกับทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีหนี้ และทำความเข้าใจว่า การลดดอกเบี้ยจะช่วยให้คนที่อยากกู้ใหม่ และมีศักยภาพในการกู้เงิน ส่วนคนที่ไม่มีความสามารถในการกู้นั้นก็ไม่ได้ต้องการให้กู้เพิ่มแล้ว”