“สงครามกันแดด” ประเทศจีนระอุ Mistine ขายครีมกันแดดได้ปีละ10 ล้านชิ้น ตลาดเสื้อผ้า มูลค่าพุ่งมหาศาล

“ผิวขาวเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้คุณดูดีได้” นี่คือค่านิยมในประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออก ที่ต่างมองว่าการมีผิวขาวเป็นสิ่งสวยงาม และถูกเซตเป็นมาตรฐานด้านความงามที่ยังไม่มีสิ่งใดมาลบเลือนได้

สะท้อนจากสีผิวของนางแบบที่มักปรากฏในโฆษณาจีน จะถูกเชิดชูด้วยความขาวดุจไข่มุก ขาวกว่านางแบบในโฆษณาฝั่งอเมริกา ทำให้ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งต่าง ๆ ในจีนมีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ และลามไปถึงผลิตภัณฑ์กันแดดที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศรายงานว่า ในช่วงฤดูร้อนของประเทศจีน ที่จะมีอากาศค่อนข้างร้อนมากและแสงแดดแรงแผดเผา ยิ่งทำให้ผู้คนชาวจีนต้องหาวิธีป้องกันแสงแดดจนขนานนามว่า “สงครามกันแดด”

โดยตามท้องถนนจะสังเกตพบเห็นผู้คนที่ใส่เสื้อผ้ากันแดดหลากหลายประเภท และยังมีบางกลุ่มที่ใส่ชุดแบบปกปิดมิดชิดเหมือนชุดคนเลี้ยงผึ้งอีกด้วย โดยสวมหมวกปีกกว้าง ใส่แว่นกันแดด สวมหน้ากากกันแดด ใส่เสื้อคลุมตัว และถุงมือกันแดด เพื่อป้องกันแสงแดดที่จะเข้ามาในทุก ๆ ด้าน

ซึ่งดัชนี UV สูงสุดที่ 11+ ของจีน ทำให้ชาวจีนให้ความสำคัญกับการป้องกันแดดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะป้องกันแสงแดดในทุกวิถีทางเพื่อความงามของผิวพรรณและเพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดด

iMediaResearch คาดการณ์ว่าตลาดเครื่องสำอางครีมกันแดดของจีนจะขยายจาก 14.8 พันล้านหยวนในปี 2566 เป็น 2.2 หมื่นล้านหยวนในปี 2571 เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์กันแดดมีความหลากหลายมากขึ้น

โดยผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด 5 อันดับแรกที่นิยมในจีนในปี 2566 ได้แก่ Mistine, Anessa, Winona, Lancôme และ L’Oreal ซึ่งผู้บริโภคชาวจีนมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น

“เมื่อปี 2566 แบรนด์จากไทยอย่าง Mistine สามารถทำยอดขายในไทยได้มากถึง 10.76 ล้านชิ้น เป็นเบอร์ 1 ของตลาด”

ด้านอุตสาหกรรมเสื้อผ้ากันแดดของจีนมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ตั้งแต่เสื้อผ้า ร่ม หมวก แว่นที่มีฟังก์ชันกันแดด ไปจนถึงหน้ากาก อุปกรณ์ป้องกันใบหน้า ผ้าคลุม และถุงมือ

จากข้อมูลพบว่าตลาดเสื้อผ้ากันแดดของจีนมีมูลค่าสูงถึง 6.75 หมื่นล้านหยวนในปี 2566 และคาดว่าจะสูงถึง 7.42 หมื่นล้านหยวนในปี 2567 และคาดว่าภายในปี 2569 ตลาดเสื้อผ้ากันแดดของจีนจะมีมูลค่าสูงถึง 9.5 หมื่นล้านหยวนเลยทีเดียว

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้มุมมองว่า จากตลาดผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดในจีนที่มีศักยภาพมหาศาล ได้กลายเป็นโอกาสสำหรับสินค้าไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและครีมกันแดด ซึ่งสินค้าไทยแบรนด์ไทย Mistine สามารถแข่งขันได้ดีในตลาดจีน และแบรนด์ไทยอื่น ๆ สามารถศึกษาแนวทางการทำตลาดของบริษัทที่ประสบความสำเร็จเพื่อต่อยอดธุรกิจ

ในส่วนของผลิตภัณฑ์เสื้อผ้ากันแดดและอุปกรณ์ต่าง ๆ ผู้ประกอบการสามารถศึกษาข้อมูลความต้องการของตลาดเฉพาะด้าน และนำนวัตกรรมมาพัฒนาสินค้าคุณสมบัติด้านการป้องกันแสงแดดก็จะเป็นโอกาสในการเจาะตลาดจีนและสามารถขยายส่วนแบ่งทางการตลาดได้ด้วยเช่นกัน

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney