“พิชัย” แก้ปัญหาของแพง “เอกนัฏ” ดันตั้งกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรม

“พิชัย” เข้ากระทรวงวันแรก เร่งแก้ปัญหาปากท้องของแพงดูแลสินค้าเกษตรเชิงรุก สินค้าจีนทะลัก ลุยเจรจาการค้า หาตลาดใหม่ เตรียมหารือ ธปท.ช่วยแก้หนี้เอสเอ็มอี ขณะที่ “เอกนัฏ” เข้ากระทรวงอุตฯ วันแรกเช่นกัน ประกาศ 3 นโยบายด่วน เร่งตั้งกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรมยกระดับประเทศ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังเข้ากระทรวงพาณิชย์วันแรก และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงว่า นโยบายเร่งด่วน คือ ช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ดูแลปัญหาปากท้อง สินค้าราคาถูก ขณะที่การดูแลราคาสินค้าเกษตร ต้องดำเนินมาตรการเชิงรุก ต้องเตรียมการบริหารจัดการกับสินค้าเกษตรที่จะออกมาไว้ล่วงหน้า การแก้ปัญหาให้กับเอสเอ็มอี ซึ่งขณะนี้กำลังประสบปัญหาการแข่งขันกับสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศทะลักเข้ามานั้น ยอมรับว่าเอสเอ็มอีได้รับปัญหามาก แต่ต้องทำความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพราะมีความจำเป็น โดยอยากช่วยเหลือเรื่องการตัดหนี้ เข้าใจว่า ธปท. ยึดหลัก Moral Hazard โดยไม่อยากสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ทำการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งการตัดหนี้ต้องได้รับความร่วมมือจาก ธปท.

“แต่จริงๆแล้วต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ Moral Hazard เพราะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์โควิด ถือเป็นปัญหาของเศรษฐกิจทั้งโลก ดังนั้น การช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการกลับมามีรายได้ จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป หากปล่อยไปเศรษฐกิจก็จะแย่ลงเรื่อยๆ และหนี้ก็จะเพิ่มขึ้น ท้ายที่สุด ต้องตัดหนี้อยู่ดีและให้ความช่วยเหลือ และคิดว่าความร่วมมือจาก ธปท.และธนาคารพาณิชย์เป็นเรื่องสำคัญ”

ส่วนการดูแลเรื่องสินค้าต่างประเทศทะลักเข้าไทยนั้น ไม่อยากใช้คำว่า สินค้าจีนเพียงอย่างเดียว เพราะจะกลายเป็นต่อต้าน โดยจีนเองก็กังวล ซึ่งเรื่องนี้ตนได้พูดคุยและพร้อมหารือกับทางการจีน เพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะจีนหรือแม้สหรัฐ อเมริกาเอง ก็มองประเทศไทยเป็นเหมือนพี่น้อง ซึ่งเป็นเรื่องโชคดี ถ้าเราสานสัมพันธ์กับต่างประเทศได้ดี ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวเร็ว และจะดึงดูดการลงทุนให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต

“อุตสาหกรรมใหม่ต่างชาติก็ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ และที่ผ่านมา ผมได้ไปดูงานและมีนักลงทุนไทยสนใจที่จะเข้ามา มีเม็ดเงินกว่าแสนล้านบาทที่นำมาลงทุน และหากเรามีแนวทางชัดเจนก็น่าจะมีเข้ามาเป็นล้านล้านบาท ขณะนี้จะเห็นว่าเรื่องการลงทุนไหลเข้าประเทศเพิ่มขึ้น 40-50% และเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้เซ็นบันทึกเตือนใจสำหรับการทำงานตั้งแต่วันแรกที่เข้ากระทรวง เพื่อเป็นความหวังอยากให้เกิดผลสำเร็จในขณะที่ดำรงตำแหน่งที่ต้องทำทันที ทำเดี๋ยวนี้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในขณะนี้คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆของโลก เบื้องต้นจะเดินหน้า 3 นโยบายสำคัญ ประกอบด้วย 1.การกำจัดขยะมลพิษที่ทำร้ายชีวิตประชาชนหลายที่หลายจุด โดยได้ลงพื้นที่บริษัท วินโพเสส จังหวัดระยอง เพื่อรับฟังปัญหาและติดตามการแก้ปัญหาขยะพิษในพื้นที่

2.จะเดินหน้าปกป้องอุตสาหกรรมจากการบิดเบือนตลาด การทุ่มตลาด ต้องช่วยธุรกิจขนาดเล็ก ให้ทำมาค้าขายด้วยระบบโปร่งใส 3.การพัฒนาอุตสาหกรรมให้เท่าทันการเปลี่ยน แปลงของเศรษฐกิจยุคใหม่ให้เติมเต็มห่วงโซ่อุตสาหกรรมในปัจจุบัน เพื่อให้อุตสาหกรรมเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความเข้มแข็ง มีความยิ่งใหญ่ ทั้งหมดเป็นภารกิจที่ตั้งใจเดินหน้าโดยเร็วที่สุดในช่วงระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม

“ผมมีความคิดเสนอก่อตั้งกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรม โดยจะรวบรวมกองทุนที่อยู่ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีเยอะ หลายภารกิจมาไว้ที่เดียว จะกำหนดภารกิจชัดเจนในการช่วยเหลืออุตสาหกรรมไทย วงเงินกองทุนเบื้องต้น หลักหมื่นล้านบาท เพราะเพียงแค่กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีมีเงิน 10,000 ล้านบาทแล้ว โดยการจัดตั้งกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรม จะเห็นความชัดเจนโดยเร็วแน่นอน”

นอกจากนี้จะเร่งปรับแก้กฎหมายให้มีความเข้มข้น อาทิ กฎหมายกรมโรงงานอุตสาหกรรมที่จะมีเพิ่มโทษให้ผู้ประกอบการที่กระทำผิดได้รับโทษจากการไม่รับผิดชอบ ส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ทั้งของกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้กฎหมายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่