นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยว่า ขอเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ส่งผลต่อกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีสต๊อกสินค้าตกค้างจำนวนมาก รวมทั้งเผชิญปัญหาสินค้าราคาถูกจากจีน โดยที่ประเทศไทยไม่มีมาตรการอะไรที่จะปกป้องสินค้าที่ผลิตในประเทศเหมือนกับหลายๆประเทศในอาเซียน ส่วนเอสเอ็มอียังขาดสภาพคล่อง เข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้ยาก
ดังนั้น จึงขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณา ดังนี้ 1.โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยเปลี่ยนมาแจกเป็นเงินสดแทน และแจกให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ใช้เงิน 145,000 ล้านบาทนั้น ต้องระมัดระวังในระยะยาว หากต้องแจกทุกปีจะเป็นการสร้างให้ประชาชนเสพติด 2.เร่งปรับโครงสร้างหนี้ทั้งภาคครัวเรือนและหนี้ธุรกิจ 3.ออกแพ็กเกจช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายเล็กรายย่อย และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างเร่งด่วน เพราะได้รับความเสียหายหนักมากเฉียด 10,000 ล้านบาท
4.ชะลอการปรับค่าจ้าง 400 บาท ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ โดยพิจารณาปรับบางกลุ่มอาชีพหรือตามขนาดสถานประกอบการ 5.ปกป้องธุรกิจและอาชีพคนไทยจากการทุ่มตลาดสินค้าจีนที่ล้นตลาดในประเทศ จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวอัตราการว่างงานคนหนุ่ม-สาวสูงถึง 17% รวมถึงการกีดกันนำเข้าจากสหรัฐฯและสหภาพยุโรป ทำให้สินค้าล้นตลาดทะลักเข้ามาในไทยทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ควรมีมาตรการตอบโต้ทุ่มตลาดและมาตรการปกป้องนำเข้าสินค้าราคาถูก เช่น การซื้อ-ขายออนไลน์ ต้องผ่านแอปในประเทศ ซึ่งทราบว่ากระทรวงพาณิชย์กำลังจะออกประกาศแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศต้องจดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทยเพื่อควบคุมการเก็บภาษีและใบอนุญาตนำเข้า รัฐบาลจีนนอกจากกระตุ้นและผลักดันสินค้าราคาถูก (ต่ำกว่าทุน) เข้ามาทุ่มตลาดยังสนับสนุนให้คนจีนเข้ามาเปิดร้านขายสินค้า-ร้านอาหาร ธุรกิจขนส่ง บ้านเช่า-คอนโด รวมถึงไกด์เถื่อน เป็นภาพที่พบเห็นอยู่ทั่วไป ควรมีมาตรการเข้มงวดเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนรู้เห็นโดยเฉพาะบทลงโทษนอมินีไทยที่ถือหุ้นแทนต่างชาติ.