น้ำท่วมพ่นพิษ เสียหาย 8,000 ล้านบาท ภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากสุด

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.มีความกังวลต่อสถานการณ์น้ำ และอุทกภัยในภาคเหนือและภาคกลางตอนบน คาดว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในเดือน ส.ค.-ก.ย.อยู่ที่ 6,000-8,000 ล้านบาท หรือ 0.03-0.04% ของอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โดยภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนระยะถัดไปต้องติดตามพายุไต้ฝุ่นต่างๆที่อาจเข้ามาในประเทศไทย เดือน ก.ย.-ต.ค.ถือเป็นความเสี่ยงต่อน้ำท่วม

“ที่ประชุมมีความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น จะเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม นอกเหนือจากความต้องการภายในประเทศของไทยที่ยังอ่อนแรง สะท้อนจากการลงทุน แม้รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณลงทุน ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเติบโตเฉลี่ยได้ 20% เมื่อเดือน พ.ค.-ก.ค. แต่เศรษฐกิจไตรมาส 2 ยังชะลอตัว โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนหดตัว 6.8% เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศลดลง 24% ส่วนการลงทุนระยะข้างหน้า มีแนวโน้มชะลอ สะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ที่ปรับลดต่อเนื่อง จึงคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 2.2-2.7%”

กกร.มีมติให้จัดตั้งคณะทำงานย่อย จัดทำข้อเสนอด้านการบริหารจัดการน้ำเสนอต่อรัฐบาล โดยเน้นการวางแผนระยะยาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำรอยเหมือนปี 2554 เน้นการพัฒนาแหล่งน้ำ เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำทั่วประเทศ เพื่อให้การบริหารน้ำมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม เพิ่มศักยภาพในการกักเก็บน้ำ

“แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง สหรัฐฯส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ค่าระวางเรือยังสูงกว่าภาวะปกติ 3 เท่าตัว ล้วนเป็นปัจจัยลบต่อการค้าโลก แต่การส่งออกไทย เดือน ก.ค.เติบโต 15.2% จากแรงหนุนของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ของโลก คาดว่าปีนี้ไทยจะส่งออกได้ 1.5-2.5% สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 0.8-1.5% แต่การเติบโต ยังกระจุกตัวอยู่เฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้เป็นการเติบโตในวงกว้าง”.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่