น.ส.ธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้ภาครัฐ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ แก้ปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมายเข้มข้นขึ้น เพราะสร้างผลกระทบกับอุตสาหกรรมยาสูบแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการสูญเสียในรูปแบบภาษีสรรพสามิต 24,000 ล้านบาท ภาษีมหาดไทย 1,800 ล้านบาท ภาษีอื่น 4,000 ล้านบาท รายได้ชาวไร่ยาสูบ 300 ล้านบาท และรายได้ของผู้ประกอบการและร้านค้า 7,000 ล้านบาท โดยช่องทางจำหน่ายบุหรี่ผิดกฎหมายจำนวนมากเป็นช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม เอ็กซ์ และสั่งซื้อผ่านข้อความส่วนตัวในไลน์ เฟซบุ๊ก ติ๊กต่อก ส่งผลกระทบไปถึงอายุผู้เสพบุหรี่ที่ลดลงไปถึงเยาวชน และผู้หญิงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้สูบบุหรี่ทุก 4 คนจะสูบบุหรี่ผิดกฎหมาย 1 คน ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 25% จาก 3 ปีก่อนที่มีเพียง 11.4%
ทั้งนี้ สมาคมขอเสนอแนวทางแก้ไข 4 แนวทาง ได้แก่ 1.ปราบปรามร้านค้าบุหรี่ผิดกฎหมายที่มีหน้าร้าน รวมทั้งปิดกั้นช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียที่เติบโตอย่างรวดเร็ว 2.ขยายผลการสืบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิดรายใหญ่ แหล่งต้นทางของสินค้าในประเทศเพื่อนบ้านที่มีข่าวว่าเป็นเส้นทางลำเลียง อาทิ เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ผ่านชายแดน ทั้งทางบกและทางทะเล 3.ประชาสัมพันธ์ผลการจับกุมดำเนินคดี ทำลายสินค้าของกลาง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับร้านค้า และ 4.ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยป้องกัน ปราบปราม อาทิ เครื่องเอกซเรย์ขนาดพกพา
นายปรัชญา กันทาธรรม นายกสมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบแพร่ และตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบกว่า 22,000 ครัวเรือน กล่าวว่า ต้องการให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ครม.ชุดใหม่เร่งแก้ปัญหายาสูบทั้งระบบเร่งด่วน โดยเสนอ 3 แนวทางเร่งด่วน 1.สนับสนุนปัจจัยการผลิตให้กับชาวไร่ยาสูบต่อเนื่อง 2.ยกระดับการแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อนเป็นวาระแห่งชาติและนโยบายเร่งด่วน และ 3.จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบ.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่