ผ่าโจทย์ใหญ่ “รัฐบาลเศรษฐา” สาง 7 ปัญหาหนี้ท่วม “คนไทย” รถใกล้ถูกยึด บัตรเครดิตส่อเสียอีก 2 แสนใบ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ผ่าโจทย์ใหญ่ “รัฐบาลเศรษฐา” สาง 7 ปัญหาหนี้ท่วม “คนไทย” รถใกล้ถูกยึด บัตรเครดิตส่อเสียอีก 2 แสนใบ

Date Time: 17 ก.ค. 2567 10:56 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • ผ่าโจทย์ใหญ่ “รัฐบาลเศรษฐา” สาง 7 ปัญหา หนี้ท่วม “คนไทย” สกัด รถจักรยานยนต์ รถปิกอัพ ทำมา-หากิน ใกล้ถูกยึด บัตรเครดิต เป็นหนี้เสียแล้ว 1.1 ล้านใบ และ กำลังจะเสียอีก 2 แสนใบ สั่งหน่วยเกี่ยวข้อง เร่งปรับโครงสร้างหนี้ "ที่อยู่อาศัย-หนี้ SMEs-หนี้นอกระบบ"

Latest


ดูเหมือนว่า ประโยคตัดพ้อ “เศรษฐกิจไทยเวลานี้ น่าเป็นห่วงมากกว่าวิกฤติต้มยำกุ้ง” จะดังมากขึ้นเรื่อยๆ หลังมีหลักฐานเชิงประจักษ์ ทั้ง บรรยากาศ การจับจ่าย-ใช้สอย ที่พ่อค้า แม่ค้า บ่นเป็นเสียงเดียวกัน ว่า ลูกค้าเดินตลาดบางตา ควักกระเป๋าเงิน “ซื้อของ” แต่ละครั้งน้อยลง เพราะพากันรัดเข็มขัด กิจกรรม กิน-ดื่ม-ท่องเที่ยว ความถี่ไม่เหมือนเก่า  

ขณะตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัว ดรอปลงชัดเจน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวพันกับ GDP ทั้งตลาดที่อยู่อาศัย และ รถยนต์ เช่นเดียวกับ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคผู้ผลิตและ ผู้บริโภค ก็ยังอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง เพราะ ต่างเป็นกังวลต่อปัญหา ค่าครองชีพ และ หนี้ครัวเรือน ก้อนใหญ่ ของคนไทย 

ส่วนประเด็น วิกฤติปิดโรงงาน คนตกงานพุ่ง! จนสื่อนอก นำไปตีเป็นข่าวใหญ่ แม้ ธปท. ออกมาให้ความเห็นว่า ในภาพรวม ณ ขณะนี้ การเปิดและปิดโรงงาน ยังกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มาก เนื่องจากการเปิดโรงงานใหม่ มีจำนวนมากกว่าปิดตัว เงินลงทุนสุทธิเพิ่มขึ้น และการจ้างงานสุทธิก็ยังเป็นบวก แต่ยอมรับว่า สถานการณ์มีทิศทางแย่ลง และบางอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

โดยล่าสุด รัฐบาล ออกมายอมรับว่า “หนี้ครัวเรือน” ไทยปัจจุบัน รวมอยู่ที่ 13.6 ล้านล้านบาท ส่วน “หนี้ธุรกิจ” SMEs อยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท ขณะที่ “หนี้รัฐบาล” ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2567 มูลค่าหนี้ อยู่ที่ 64.3% ของ GDP (ยังอยู่ในกรอบหนี้สาธารณะ) โดยคาดว่า จะเริ่มคลายลงได้ภายในปี 2569 ด้วยความคาดหวังว่า เวลานั้น รายได้รัฐบาล คงจะขยายตัวมากกว่ารายจ่ายของรัฐบาล

7 โจทย์ใหญ่ ปัญหาหนี้คนไทย 


สำหรับโจทย์การแก้ปัญหา “เศรษฐกิจไทย” ระยะสั้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของคนไทย “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ระบุปมปัญหาใหญ่สุด ก็คือ “หนี้ครัวเรือน” และแนวโน้ม “หนี้เสีย” ซึ่งรัฐบาลจะเร่งแก้ใน 7 เรื่อง หลักๆ ดังนี้ 

  1. การปรับโครงสร้างหนี้ที่อยู่อาศัย เพิ่มระยะเวลาการกู้ถึงอายุ 80 ปี ข้าราชการเป็น 85 ปี คาดว่าการดำเนินมาตรการนี้ จะทำให้หนี้เสียและหนี้กำลังจะเสียทยอยลดลง โดยขอความร่วมมือจากธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ในการปรับโครงสร้างหนี้ 
  2. มาตรการแก้ปัญหาหนี้รถยนต์ ระยะสั้นเร่งหามาตรการช่วยคนที่ใช้รถจักรยานยนต์และรถปิกอัพทำงานหากินที่กำลังจะถูกยึดเป็นอันดับแรก เพื่อจะได้มีรถในการทำงานหากิน 
  3. มาตรการแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต ซึ่งจากข้อมูลมีบัตรเครดิตทั้งหมด 24 ล้านบัตร เป็นหนี้เสียแล้ว 1.1 ล้านบัตร และกำลังจะเสียอีก 2 แสนบัตร นายกฯ มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหารือกับธนาคารพาณิชย์เพื่อกำหนดแนวทางในการช่วยเหลือให้เกิดเป็นรูปธรรมภายใน 2 สัปดาห์ โดยให้แถลงให้ประชาชนได้รับทราบทั่วกันต่อไป 
  4. มาตรการแก้ปัญหาหนี้สินรายย่อย (ธนาคารออมสิน) ให้ดำเนินการยกหนี้ลูกหนี้รายย่อย ปรับโครงสร้างหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ครู ลด/ตรึงดอกเบี้ยช่วยลูกหนี้ทุกราย และจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์เข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้ด้อยคุณภาพ เป้าหมาย 456,000 บัญชี มูลค่า 33,900 ล้านบาท  
  5. มาตรการแก้ปัญหาหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
  6. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 (บสย.) จากมติ ครม.อนุมัติ วงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท จะช่วย SMEs ได้สินเชื่อกว่า 77,000 ราย สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกว่า 200,000 ล้านบาท สร้างสินเชื่อในระบบกว่า 60,000 ล้านบาท และรักษาการจ้างงานไม่น้อยกว่า 550,000 ตำแหน่ง  
  7. มาตรการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ดำเนินการดึงหนี้นอกระบบให้กลับเข้ามาอยู่ในระบบ ยึดหลักการเดียวกับ PICO Finance และออกใบอนุญาตให้เจ้าหนี้นอกระบบกลับใจ ทำ Credit Scoring ใหม่สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง และ SMEs

นอกจากนี้ ที่ประชุมวานนี้ (16 ก.ค.) นายกฯ ยังสั่งการให้คณะรัฐมนตรี กำชับ และ กำกับดูแล มาตรการแก้ปัญหาสำคัญ อีก 6 เรื่อง ด้วยกัน 

  • เร่งแก้ไขเรื่องหนี้บ้าน และขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมแก้ไขปัญหา 
  • เร่งแก้ไขเรื่องหนี้บัตรเครดิต และขอความร่วมมือบริษัทบัตรเครดิตเข้าร่วมแก้ไขปัญหา 
  • เร่งแก้ไขหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยให้แจ้งยืนยันผู้มีสิทธิได้รับเงินคืน และผู้ที่มีหนี้ลดลง 
  • ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปพิจารณาความเดือดร้อนของเกษตรกรในด้านต่างๆ เพื่อนำกลับมาเสนอในครั้งต่อไป 
  • ให้เข้มงวดกวดขันเรื่องสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ 
  • เร่งรัดโครงการลงทุนที่อยู่ในกระบวนการของ BOI เพื่อให้โครงการลงทุนเกิดเป็นเม็ดเงินจริงลงสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์