นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการยื่นซองเสนอราคาประมูลข้าวสารหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ในสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไปครั้งที่ 1/67 ในการดูแลขององค์การคลังสินค้า (อคส.) เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 ว่า ข้าวในคลังทั้ง 2 หลัง ได้แก่ 1.คลังกิตติชัย หลัง 2 ปริมาณ 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ และ 2.คลังพูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 ปริมาณ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ รวมประมาณ 15,000 ตันนั้น มีผู้ยื่นซองเสนอซื้อ 6 ราย จากผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ 7 ราย
โดยผู้เสนอราคาประมูลสูงสุด ทั้ง 2 คลัง คือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 64 ล้านบาท เฉลี่ยตันละ 19,070 บาท และคลังสินค้ากิตติชัย 222.29 ล้านบาท เฉลี่ยตันละ 19,070 บาท คาดจะมีรายได้เข้ารัฐกว่า 286 ล้านบาท จากนี้ อคส.จะต่อรองราคาให้สูงขึ้น และสรุปผลเสนอผู้อำนวยการ อคส. เพื่ออนุมัติและแจ้งให้มาทำสัญญาซื้อขายกับ อคส. และชำระเงินเพื่อรับมอบข้าวสาร “ราคาที่ประมูลได้ แสดงว่าผู้ประกอบการเชื่อมั่นในการเก็บข้าวสาร ไม่ว่าจะเก็บมากี่ปี หากเก็บดี คุณภาพก็ยังดีอีกทั้งยังผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาแล้ว ทำให้การเสนอราคาอยู่ในเกณฑ์ดี”
ส่วนกรณีที่ยังมีหลายท่านสงสัยว่าข้าวจะไปไหน จะกระทบต่ออุตสาหกรรมข้าวในภาพรวมหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่กระทบ เพราะข้าวหอมมะลิฤดูกาลใหม่ยังไม่ออก และปริมาณข้าวสารที่ประมูลครั้งนี้ ไม่มาก เมื่อเทียบกับข้าวสารที่ไทยส่งออกปีละกว่า 8 ล้านตัน โดยข้าวที่ประมูลแล้ว หากจะส่งออก ต้องปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ได้ตามมาตรฐานของกรมการค้าต่างประเทศ และหากจำหน่ายในประเทศ ก็ต้องผ่านมาตรฐานของกรมการค้าภายใน และหน่วยงานตรวจสอบอื่น เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นประมูลซื้อข้าวครั้งนี้ มี 6 รายมายื่นเสนอซื้อ และไม่มา 1 ราย คือ บริษัท อุบลไบโอเกษตร จำกัด หลังจากนี้คณะทำงานรับ-เปิดซองและต่อรองราคาข้าวในสต๊อกของรัฐ จะต่อรองราคา และจะประกาศผลอย่างเป็นทางการวันที่ 21 มิ.ย.นี้ โดยทั้ง 6 รายเสนอราคาสูงสุดถึงต่ำสุด ดังนี้ 1.บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 64,010,216.32 บาท เฉลี่ยตันละ 19,070 บาท และคลังกิตติชัย 222,292,403.22 บาท เฉลี่ยตันละ 19,070 บาท 2.บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด คลังพูนผลเทรดดิ้ง 60,482,800 บาท เฉลี่ยตันละ 18,019 บาท และคลังกิตติชัย 209,843,000 บาท เฉลี่ยตันละ 18,019 บาท
3.บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร จำกัด เสนอซื้อคลังพูนผลเทรดดิ้งคลังเดียว 56,088,888 บาท เฉลี่ยตันละ 16,710 บาท 4.บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด คลังพูนผลเทรดดิ้ง 40,980,000 บาท เฉลี่ยตันละ 12,208 บาท และคลังกิตติชัย 182,046,000 บาท เฉลี่ยตันละ 15,617 บาท 5.บริษัท สหธัญจำกัด เสนอซื้อคลังพูนผลเทรดดิ้งคลังเดียว 62,734,711.23 บาท เฉลี่ยตันละ 18,690 บาท และ 6.บริษัท บีเอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด คลังพูนผลเทรดดิ้ง 53,705,477.77 บาท เฉลี่ยตันละ 16,000 บาท และคลังกิตติชัย 186,506,473.60 บาท เฉลี่ยตันละ 16,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ราคาที่เสนอซื้อสูงถึง กก.ละ 19 บาท เป็นเรื่องเหลือเชื่อ เพราะข้าวสารหอมมะลิลอตนี้ เก็บนานถึง 10 ปี คุณภาพไม่เท่ากับข้าวใหม่ แต่เสนอราคาซื้อสูง ขณะที่ข้าวขาว 5% ที่เป็นข้าวใหม่ กก.ละ 21.50 บาท ถือว่าเป็นการเสนอราคาซื้อที่ผิดปกติ เพราะหากรวมค่าขนส่ง ค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวแล้วจะทำให้ข้าว 10 ปีมีต้นทุนสูงกว่าข้าวขาวใหม่ หากเป็นพ่อค้าจริง คงซื้อข้าวใหม่ในตลาดไปขายดีกว่าประมูลข้าวเก่า.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่