หลังจากมีการปิดตัวของหลายๆ โรงงาน เช่น โรงงานผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่าง ซูซูกิ ประกาศปิดกิจการในไทยทั้งหมดภายในปี 2568 การปิดกิจการของบริษัทหรือธุรกิจเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างมากทั้งต่อเจ้าของกิจการ พนักงาน และสังคมโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นการเลิกจ้างงานอย่างกะทันหันส่งผลให้พนักงานสูญเสียรายได้ทันที ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องเผชิญกับปัญหาการชำระหนี้สินหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามมา นับว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับเศรษฐกิจในประเทศไทย
KKP Research เผยข้อมูลการปิดโรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่เร่งตัวขึ้นชัดเจนตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2023 โดยพุ่งสูงขึ้นถึง 159 โรงงานต่อเดือนจากปกติเฉลี่ยเพียง 57 โรงงานต่อเดือน ส่งผลให้หากนับรวมตั้งแต่ต้นปี 2023 มาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2024 มีโรงงานปิดตัวลงไปแล้วกว่า 1,700 แห่ง กระทบจากการจ้างงานกว่า 42,000 ตำแหน่ง
ไม่ใช่เพียงแค่โรงงานปิด แต่โรงงานเปิดใหม่ก็ลดน้อยลงเช่นกัน โดยมีจำนวนโรงงานเปิดใหม่เพียง 50 โรงงานต่อเดือน จากค่าเฉลี่ยที่เป็นบวกสุทธิประมาณ 150 โรงงานต่อเดือน การปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมาพบว่าส่วนมากเป็นโรงงานขนาดใหญ่เป็นหลัก ในขณะที่โรงงานเปิดใหม่ส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดเล็ก สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในภาพใหญ่ที่กระทบกับอุตสาหกรรมทั้งอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ภาคอุตสาหกรรมไทยในปัจจุบันยังคงอยู่ในภาวะที่อ่อนแอซึ่งสะท้อนจากดัชนีการผลิตที่หดตัวลงติดต่อกันเกินกว่า 1 ปี ซึ่งนับเป็นการหดตัวติดต่อกันที่ยาวนานมากที่สุด
อย่างไรก็ตามการพิจารณาภาคการผลิตในภาพรวมอาจไม่สะท้อนสถานการณ์ของบางกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่กว่าค่าเฉลี่ย โดยอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงที่จะปิดตัว ได้แก่ กลุ่มการผลิตเครื่องหนัง การผลิตยาง อุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมไม้ และการผลิตเครื่องจักร
ปัญหาที่ตามมาหลังจากโรงงานปิดตัวคือ การเพิ่มขึ้นของหนี้เสียในภาคอุตสาหกรรม
ในช่วงที่ผ่านมาจะสังเกตเห็นว่าการผลิตของภาคอุตสาหกรรมไทยเริ่มมีทิศทางที่ไม่สอดคล้องกับการผลิตของประเทศอุตสาหกรรมหลักในภูมิภาคและการผลิตของโลก ภาวะการค้าโลกที่ฟื้นตัวในระยะต่อไปจึงไม่ได้หมายความว่าภาคการผลิตไทยจะฟื้นตัวได้ดีเสมอไป โดย KKP Research แบ่งหมวดสินค้าในภาคการผลิตไทยเป็น 3 กลุ่ม คือ
ถึงแม้ว่าข้อมูลเดือนล่าสุดของการผลิตภาคอุตสาหกรรมไทยกลับมาเป็นบวกในรอบมากกว่า 1 ปี และหลายฝ่ายยังหวังว่าจากภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ปรับดีขึ้นจะกลับมาช่วยภาคอุตสาหกรรมไทยกลับมาขยายตัวได้ อย่างไรก็ตาม KKP Research ยังคงมีความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์อุตสาหกรรมไทยในระยะยาว เนื่องจาก มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากสินค้าจีน, มาตรการกีดกันการค้าระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มทวีความเข้มข้นขึ้น และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในบางกลุ่มสินค้าหลักอย่างรถยนต์ EV
KKP Research ยังประเมินว่าการเร่งดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมและปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่ยังจำเป็นต้องทำ ควบคู่ไปกับการหาเครื่องยนต์ใหม่มาทดแทนเครื่องยนต์เดิมของเศรษฐกิจที่หายไป มิเช่นนั้นคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นเศรษฐกิจไทยมีศักยภาพการเติบโตต่ำลงไปเรื่อยๆ
ที่มา : KKP Research
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney