นายกฯรู้เรื่องเศรษฐกิจแค่ไหน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

นายกฯรู้เรื่องเศรษฐกิจแค่ไหน

Date Time: 24 พ.ค. 2567 05:30 น.

Summary

  • วันนี้ไปคุยเรื่องเศรษฐกิจไทยที่ตกต่ำกันก่อนดีกว่านะครับ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 ซึ่งเป็นผลงานของ รัฐบาลเศรษฐา ร้อยเปอร์เซ็นต์มีการขยายตัวตํ่าเตี้ยติดดินเพียง 1.5% ต่ำที่สุดในอาเซียน

Latest

โรงแรมไทยฟื้นตัวรับไฮซีซั่น วอนรัฐดูแลทุนสีเทาแข่งขัน-ฉุดภาพลักษณ์ประเทศ

วันนี้ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน บินกลับไทย หลังจากที่เดินสายทัวร์ชมแบรนด์เนมหรูหลายยี่ห้อที่ กรุงปารีส มิลาน กรุงโรม อย่างสบายอกสบายใจ ก่อนไปจบที่ กรุงโตเกียว นานนับสิบวัน ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ตกตํ่าจนน่าตกใจ การไปทัวร์บริษัทแบรนด์เนมหรู คงไม่สามารถมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยที่ยากจนได้ กลับถึงไทยวันนี้ นายกฯเศรษฐา คงจะรู้ผลแล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญ รับหรือไม่รับ คำร้อง 40 สว. ที่ขอให้ศาลวินิจฉัย ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องสิ้นสุดลง จากการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม

แต่ นายพิชิต ชื่นบาน ซึ่งให้สัมภาษณ์ช่วงเช้า ท้าว่า ในคำสั่งศาลฎีกา ถ้ามีตรงไหนระบุว่าเป็นคนหิ้วถุงเงิน 2 ล้านจะลาออกในวันนี้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ตกบ่ายเขียนใบลาออกจากรัฐมนตรีสำนักนายกฯ โดดเดี่ยว นายกฯเศรษฐา ให้รอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเพียงคนเดียว ทั้งที่ประกาศว่า เป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ

วันนี้ไปคุยเรื่องเศรษฐกิจไทยที่ตกต่ำกันก่อนดีกว่านะครับ หลังจากที่ คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ แถลงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 ซึ่งเป็นผลงานของ รัฐบาลเศรษฐา ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีการขยายตัวตํ่าเตี้ยติดดินเพียง 1.5% ต่ำที่สุดในอาเซียนแบบถูกทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น นายกฯเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ข้ามทวีปว่า กลับมาจะเรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจ ในวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา 10 เดือน นายกฯ เศรษฐา ยังไม่เคยเรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจเลย บริหารประเทศแบบตัวใครตัวมัน พรรคใครพรรคมัน มุ่งมั่นจะเอาเงินภาษี 5 แสนล้านบาทไปแจกกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยไม่ฟังเสียงค้านของผู้รู้ทั้ง แบงก์ชาติ นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ พ่อค้านักธุรกิจที่หวังดีต่อชาติ

เศรษฐกิจไทยจึงโตได้แค่ 1.5% ต่ำที่สุดในอาเซียน

แม้ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ จะเพียรอธิบายเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ก็ไม่รู้ นายกฯเศรษฐาเข้าใจเศรษฐกิจมหภาค มากน้อยแค่ไหน หรือรู้แต่เรื่องการสร้างบ้านขายบ้าน จึงคิดและเชื่อใน 10 เดือนที่ผ่านมาว่า การแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท (ที่ต้องกู้มา 5 แสนล้านบาทเพิ่มหนี้ให้ประเทศ) และลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจที่ตกตํ่าได้ ทั้งที่ตัวถ่วงเศรษฐกิจไทยวันนี้คือ โครงสร้างเศรษฐกิจที่ล้าหลัง และ การทุจริตคอร์รัปชันทุกระบบ

แต่ หลังจากที่มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีคลัง จาก นายกฯเศรษฐาเป็น คุณพิชัย ชุณหวชิร สัปดาห์ที่แล้ว คุณพิชัย ได้นัดคุยกับ ดร.เศรษฐพุฒิ เป็นครั้งแรกที่กระทรวงการคลัง สองฝ่ายคุยกันอย่างชื่นมื่นด้วยภาษาเดียวกัน คือ ภาษาเศรษฐกิจ เข้าใจตรงกันเกือบทุกเรื่อง

ดร.เศรษฐพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติให้สัมภาษณ์ใน เว็บไซต์การเงินธนาคาร ว่า เป็นการคุยกันอย่างตรงไปตรงมา ท่านเห็นว่าไม่ควรจะเห็นตรงกันทุกเรื่อง เพราะสวมหมวกคนละใบ เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยบรรยากาศที่ดี ไม่ได้มีการหารือเรื่องดอกเบี้ย แต่เห็นตรงกันว่า โจทย์สำคัญของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันคือ การเข้าถึงสินเชื่อโดยเฉพาะการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (ไม่ใช่เรื่องดอกเบี้ย) จึงได้เสนอแนวคิด 2 เรื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

1.การใช้กลไกค้ำประกันสินเชื่อ ที่มีความยืดหยุ่นกว่า บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ซึ่งต้องรองบประมาณจากรัฐ รัฐมนตรีคลังก็เห็นด้วย

2.การทำ Open Data เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้บริโภคที่อยู่กับหน่วยงานต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ เพื่อนำมาช่วยวิเคราะห์สินเชื่อได้ และช่วยแก้ปัญหาส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างรายย่อยและรายใหญ่ได้อย่างยั่งยืน

ไม่น่าเชื่อว่า รัฐมนตรีคลัง กับ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ คุยด้วยภาษาเศรษฐกิจเดียวกัน เผลอแป๊บเดียวคุยกันนานถึง 2 ชั่วโมงอย่างสร้างสรรค์ และได้ข้อสรุปที่เป็นรูปธรรม ด้วย.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ