น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบในหลักการการดำเนินการมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ ทั้งมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ มาตรการลดหรือยกเว้นอากรขาเข้างานศิลปะ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมรถยนต์โบราณ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
สำหรับสาระสำคัญประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ 1.มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ เพื่อส่งเสริมตลาดการซื้อขายศิลปะ ซึ่งจะทำให้ศิลปินในประเทศไทยผลิตงานศิลปะเพิ่มมากขึ้น และส่งเสริมการจัดแสดงงานศิลปะในประเทศไทย อันจะทำให้การท่องเที่ยวขยายตัวมากขึ้น จึงเสนอให้ผู้มีเงินได้ แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้องานศิลปะด้านจิตรกรรมหรือประติมากรรมในราชอาณาจักร ในลักษณะการยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้องานศิลปะดังกล่าวมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทในปีภาษี นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติถึงวันที่ 31 ธ.ค.69 โดยคาดว่ารัฐจะสูญเสียรายได้ปีละ 20 ล้านบาท โดยคำนวณจากผู้ใช้สิทธิปีละ 1,000 ราย อัตราภาษีที่แท้จริง 20%
2.มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่ศิลปินในการสร้างงานศิลปะ และส่งเสริมงานศิลปะของศิลปินไทย จึงเห็นควรบรรเทาภาระภาษีให้แก่ศิลปินในประเทศไทย โดยเสนอให้ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากรที่เป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระประณีตศิลปกรรมหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 60% เป็นการถาวร โดยไม่กำหนดประเภทศิลปิน คาดว่ารัฐจะสูญเสียรายได้ปีละ 20 ล้านบาท โดยคำนวณจากผู้มีเงินได้จากวิชาชีพอิสระประณีตศิลปกรรมในปี 65 มีจำนวน 1,416 ราย
3.มาตรการลดหรือยกเว้นอากรขาเข้างานศิลปะ เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนในการผลิตงานศิลปะ และลดต้นทุนการนำเข้างานศิลปะเพื่อนำมาจัดแสดงงานศิลปะระดับประเทศและระดับนานาชาติในไทย จึงเสนอให้มีการลดหรือยกเว้นอัตราอากรสำหรับงานศิลปะ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ
และ 4.มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมรถยนต์โบราณ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านการสนับสนุนการจัดกิจกรรมสำหรับรถยนต์โบราณ เช่น การประกวดรถยนต์โบราณ การจัดแสดงนิทรรศการรถยนต์โบราณ การจัดขบวนคาราวานรถยนต์โบราณ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย
นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตหรือบูรณะรถยนต์โบราณในประเทศ เพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศ จึงเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้ารถยนต์โบราณ และมีการยกเว้นอากรขาเข้าสินค้ารถยนต์โบราณเฉพาะรถยนต์นั่งเท่านั้น ซึ่งการสูญเสียรายได้ขึ้นอยู่กับนิยาม หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะสำหรับรถยนต์โบราณ
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ตั้งเป้าผลักดันการส่งออก และส่งเสริมสินค้าและบริการของไทยผ่าน Soft Power ว่าจะสามารถสร้างงานให้แก่คนไทย 20 ล้านตำแหน่ง สร้างรายได้ 4 ล้านล้านบาทต่อปี ผ่าน 11 อุตสาหกรรม โดยกระทรวงพาณิชย์ นำร่องกิจกรรมส่งเสริมตลาดแล้ว 42 กิจกรรม ผู้ประกอบการไทยได้รับประโยชน์แล้ว 294 ราย และสร้างมูลค่าทางการค้าแล้ว 6,089.36 ล้านบาท โดยในปี 2567 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีแผนดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Soft Power ไม่น้อยกว่า 207 กิจกรรม กรมฯ ดำเนินการ 130 กิจกรรม และสนับสนุนผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่อยู่ภายใต้ Soft Power 11 สาขา ผ่านโครงการ SMEs Pro-active 77 กิจกรรม ในมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
ยกตัวอย่างเช่น เดือน มี.ค.นี้ จะจัดกิจกรรมงานหนังสือ Taipei International Book Exhibition (TIBE) 2024 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติด้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์อาหารไทยและธุรกิจบริการอาหารไทย (Thai SELECT) ในภูมิภาคยุโรป อาเซียน เอเชียและโอเชียเนีย (Oceania) โดยนำอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในท้องถิ่น รีวิวสินค้าและบริการของไทยในต่างประเทศด้วย.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่