นายวิสูตร พันธวุฒิยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชอาร์. ไดเจสท์ กรุ๊ป ในฐานะนายกสมาคมนายจ้างผู้ประกอบกิจการรับเหมาแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงแรงงานมีนโยบายยืดระยะเวลาการเกษียณอายุจาก 60 ปี เป็น 65 ปี ซึ่งจะมีการนำเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็วนี้นั้น ตนแสดงความเห็นด้วยเนื่องจากอยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง กับการจัดหางานเข้าไปในโรงงานอุตสาหกรรมจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อและเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมโดยรัฐไม่ต้องใช้งบประมาณแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในส่วนของแรงงานโดยเฉพาะในโรงงานจากการลงทุนของญี่ปุ่นกำหนดให้มีการเกษียณอายุเพียง 55 ปี จากกฎหมายของญี่ปุ่นเองและใช้กันมายาวนาน เมื่อถึงระดับอายุดังกล่าวขึ้นอยู่กับโรงงานว่าจะต่ออายุให้ปีต่อปีหรือให้เกษียณอายุไปเลย ซึ่งปัจจุบันคนในวัยอายุดังกล่าวสามารถทำงานได้อีกหลายปี หากเกษียณไปแล้วจะไปทำอาชีพอะไรหรือไปเป็นภาระของลูกหลาน อีกทั้งหากยืดเกษียณอายุออกไปจะทำให้แรงงานเหล่านี้มีรายได้จากการทำงานต่อไปอีก หากรัฐบาลปลดล็อกกฎหมายตรงนี้ไปได้จะทำให้แรงงานจำนวนมากสามารถทำงานต่อเนื่องไปได้แล้ว
“คิดคร่าวๆ แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆเกษียณปีละ 1 แสนคน เฉลี่ยรายได้ปีละ 240,000 บาท รวมแล้ว 2.4 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาถึงจุดทุกฝ่าย โดยฝ่ายโรงงานหมดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน คนงานมีงานทำมีเงินใช้จ่ายทำให้เงินหมุนเข้าไปในระบบ ปัญหาสังคมก็ไม่เกิดขึ้นจากการกลับไปอยู่บ้านเป็นภาระของลูกหลาน เงินเก็บที่มีอยู่ใช้แป๊บเดียวก็หมดแล้ว” นายวิสูตรกล่าว.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่