ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ.พี.มอร์แกน กลุ่มธุรกิจการเงินระดับโลก เผยมุมมองตลาดหุ้นไทย “เพิ่มน้ำหนักการลงทุน” (Overweight) จากแนวโน้มมาตรการผ่อนคลายการคลัง การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยได้เปิดเผยข้อมูลระหว่างการประชุม J.P. Morgan Thailand Conference ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯสัปดาห์นี้ โดยมีนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน และนายวิรัตน์ ธัชศฤงคารสกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เข้าร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ นโยบายด้านพลังงานและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้า
นายมาร์โค สุจริตกุล เจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสประจำประเทศไทยของ เจ.พี.มอร์แกน กล่าวว่า เจ.พี.มอร์แกนประเมิน GDP ไทยเติบโตถึง 3.7% ในปี 67 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ประเทศไทยมีการเติบโตสูงกว่าอัตราการเติบโตทั่วโลก บวกกับแนวโน้มมาตรการผ่อนคลายทางการคลังของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังปี 67 ทำให้เงินทุนส่วนหนึ่งไหลออกจากสหรัฐฯเพื่อหาผลตอบแทนจากสินทรัพย์อื่นๆ ทั้งนี้ เจ.พี.มอร์แกนได้คาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยจะขึ้นแตะระดับ 1,700 ในสิ้นปี “เรามีความมั่นใจตลาดหุ้นไทย แม้ภาวะการเงินโลกจะค่อนข้างตึงตัว โดยตลาดไทยมีความพร้อมหลายปัจจัย เช่น การเติบโตของ GDP ที่เข้มแข็ง และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่ดี ซึ่งจะช่วยให้สามารถต้านแรงจากทิศทางตลาดโลกได้ โดยบัญชีเดินสะพัดของไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากเงื่อนไขการค้าที่ดีขึ้น ราคาน้ำมันและค่าขนส่งที่ลดลง ความสมดุลของสินค้าหลักที่มั่นคง บวกกับการฟื้นตัวต่อเนื่องของการท่องเที่ยว โดยคาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเพิ่มขึ้นจาก 0.8% ของ GDP ในปี 66 เป็น 4.1% ของ GDP ในปี 67
นายมาร์โคกล่าวว่า การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจะช่วยการจ้างงานภาคบริการ ส่งผลต่อการเติบโตของรายได้ในระดับปานกลาง โดยโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล 5 แสนล้านบาท รวมถึงนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายอื่นๆของภาครัฐ หากสำเร็จ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าปลีกในประเทศ ส่วนเงินทุนที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยปีที่ผ่านมามากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯนั้น คาดว่าเงินทุนต่างชาติที่ไหลออกจะถึงจุดต่ำสุดในปี 67 และน่าจะค่อยไหลกลับเข้ามาลงทุนหุ้นไทย เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐด้านนโยบายการคลัง และ GDP ที่เติบโตได้ดี
นายจักรพันธ์ พรพรรณรัตน์ หัวหน้าสายงานวิจัยหลักทรัพย์ของ เจ.พี.มอร์แกน กล่าวว่า มีมุมมองเชิงบวกกับหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าฟุ่มเฟือยและหมวดสาธารณูปโภค และประเทศไทยกำลังก้าวไปอีกขั้นในการดึงดูดกระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะคิดเป็น 16% ของการผลิตยานยนต์ต่อปีทั้งหมดในไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า.