นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการออกประกาศกำหนดให้แพลตฟอร์มออนไลน์ ที่จดทะเบียนในไทย มีรายได้ในรอบบัญชีเกิน 1,000 ล้านบาทต่อปี ส่งข้อมูลรายได้จากร้านค้าต่างๆ ที่ทำการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้กรมสรรพากรได้รับทราบด้วย ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.67 ที่ผ่านมา นอกจากการชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% เท่านั้น คาดว่าจะทำให้กรมสรรพากรจัดเก็บรายได้จากการค้าขายออนไลน์ภาพรวมเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันจัดเก็บได้ 6,728 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการพบปะหารือกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รุ่นใหม่ รวมถึงสตาร์ตอัพ ต้องการชำระภาษีอย่างถูกต้อง เพียงแต่ขอให้ระบบการชำระภาษีเข้าใจง่ายๆ ซึ่งกรมสรรพากรพยายามที่จะทำให้ง่ายๆอยู่แล้ว แต่หากต้องการความสะดวก สบาย และให้ผู้อื่นดำเนินการแทน สามารถใช้บริการ e-Tax Service Provider หรือผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์แทนผู้ประกอบการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการ 19 ราย
“ผมขอแนะนำว่าให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีดีที่สุด ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แต่ยังมีคนเข้าใจผิด เช่น ขายสินค้า 100 บาท ต้องเสียภาษี 7 บาท ซึ่งไม่ใช่ เนื่องจากต้องหักต้นทุนก่อน แล้วค่อยหักภาษีจากกำไร ซึ่งเป็นรายรับ ยกตัวอย่าง ขายสินค้า 100 บาท หักต้นทุน 90 บาท ได้กำไร 10 บาท เสียภาษีแวต 7% ราว 70 สตางค์ ยังคงได้กำไร 9.30 บาท ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรที่ต้องเร่งทำความเข้าใจกับร้านค้าอย่างต่อเนื่อง”
นายลวรณกล่าวอีกว่า สำหรับปีงบประมาณ 67 นับเป็นปีท้าทายของการจัดเก็บภาษีของรัฐ ซึ่งเป็นตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยปีนี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 3.2% โดยเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ปีนี้ไว้ที่ 2.78 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นการวัดฝีมือของกรมจัดเก็บภาษีหลัก ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร โดยในส่วนของกรมสรรพากรนั้น จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยจัดเก็บและอำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียภาษี ขณะเดียวกันจะต้องสร้างความเข้าใจว่าการเสียภาษีเป็นเรื่องง่ายๆ.