เปิดรายงาน กนง. ปีหน้าเครื่องยนต์เศรษฐกิจติดครบ ส่งออกฟื้น เสริมแกร่งท่องเที่ยว ดัน GDP โต 3.1%

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

เปิดรายงาน กนง. ปีหน้าเครื่องยนต์เศรษฐกิจติดครบ ส่งออกฟื้น เสริมแกร่งท่องเที่ยว ดัน GDP โต 3.1%

Date Time: 13 ธ.ค. 2566 17:30 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • กนง.มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2567-2568 ขยายตัวสมดุลมากขึ้นที่ 3.2% และ 3.1% ตามลำดับ ผลเครื่องยนต์เศรษฐกิจฟื้นตัว การส่งออกเสริมแกร่งการท่องเที่ยว

Latest


สรุปแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2567-2568 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งที่ 6/2566 พบว่า มีประเด็นสำคัญที่น่าติดตามดังนี้


เศรษฐกิจไทยในภาพรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง และคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.4% ในปี 2566 โดยมีแรงส่งสำคัญจากภาคการท่องเที่ยว ซึ่งช่วยสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชนให้ขยายตัวดี โดยเฉพาะในหมวดบริการ ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้า และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องฟื้นตัวช้า การฟื้นตัวจึงยังไม่ครอบคลุมในทุกภาคเศรษฐกิจ


ส่งออกฟื้นตัวเสริมการท่องเที่ยว ปรับ GDP สมดุล


สำหรับปี 2567 และ 2568 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวสมดุลมากขึ้น โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.2% และ 3.1% ตามลำดับ ในกรณีที่ไม่รวมผลของโครงการ กระเป๋าเงินดิจิทัล โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก


1.ภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 34.5 และ 39 ล้านคน ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ


2.การบริโภคภาคเอกชนที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากการจ้างงาน และรายได้แรงงานที่ปรับดีขึ้น 


3.ภาคการส่งออกสินค้า และภาคการผลิตที่เกี่ยวข้อง ที่จะกลับมาขยายตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของอุปสงค์สินค้าโลก พร้อมกับการกลับมาของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลก 


อย่างไรก็ดี ต้องติดตามความเสี่ยงที่การส่งออกอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ ส่วนหนึ่งจากปัญหาเชิงโครงสร้าง และความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออกไทยที่ลดลง


ทั้งนี้ หากรวมผลของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล อัตราการขยายตัวในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% ลดลงจากระดับ 4.4% ที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน


เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย


นอกจากนี้ กนง.ประเมินว่า ในปี 2567 และ 2568 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่จะอยู่ที่ 2.0% และ 1.9% ตามลำดับ ส่วนหนึ่งจากราคาอาหารที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวอยู่ที่ 1.2%  และ 1.3% ตามลำดับ สอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยฟื้นตัว


อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความเสี่ยงจากต้นทุนราคาอาหารที่อาจปรับสูงขึ้นกว่าคาด และความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ที่อาจส่งผลให้ราคาพลังงานโลกปรับสูงขึ้น หากรวมผลของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล อัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 2567 จะอยู่ที่ 2.2% และ 1.5% ตามลำดับ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์