ครม.สั่งกระทรวงอุตสาหกรรมไล่บี้เหมืองโปแตส อึ้ง 8 ปี ไม่ขุดทั้งที่มีแร่จำนวนมาก

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พ.ย.66 ให้กระทรวงอุตสาหกรรม ไปเร่งรัดเรื่องโครงการเหมืองแร่โปแตสในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากโครงการมีความล่าช้า ทั้งๆที่ประเทศไทยมีแร่โปแตสอยู่จำนวนมากในพื้นที่ภาคอีสาน ในพื้นที่ของจังหวัดอุดรธานี ชัยภูมิ ไปจนถึงนครราชสีมาตอนบน โดยแร่โปรแตสนั้นถือว่าเป็นหนึ่งใน 3 แร่ที่สำคัญที่ใช้ในการทำปุ๋ย หรือทำเป็นแม่ปุ๋ย ปัจจุบันประเทศที่ผลิตปุ๋ยจากโปแตสเป็นอันดับ 1 คือประเทศแคนาดา ขณะที่ประเทศไทยมีปริมาณแร่โปแตสมากเป็นอันดับสองของโลก

ในช่วงที่ผ่านมาผู้ได้ประทานบัตรในการทำเหมืองแร่โปแตสไปแล้ว 3 ราย แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเปิดพื้นที่ทำเหมืองได้ โดยหนึ่งในเจ้าที่ได้สัมปทานไปนั้นได้ไปกว่า 8 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะขุดแร่ขึ้นมาได้ ส่วนอีก 2 บริษัทที่ได้สัมปทาน มีการรายงานว่าติดปัญหาเรื่องเงินทุน

“นายกฯมีคำสั่งไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมให้ไปศึกษาว่า หากรายเดิมที่ได้รับสัมปทานไปแล้วไม่สามารถนำเอาโปแตสที่เป็นสินแร่ที่มีประโยชน์และเป็นที่ต้องการของประเทศและโลกนั้นขึ้นมาใช้ประโยชน์นั้น ก็ให้ไปดูว่าจะมีวิธีการที่จะมีผู้เล่นใหม่ที่มีความพร้อมเข้ามาเป็นผู้พัฒนาแหล่งแร่โปแตสในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้หรือไม่”

ทั้งนี้ จากที่นายกฯได้ไปเยี่ยมพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) พบว่า มีหลายโครงการล่าช้ามาก เช่น การถมทะเลท่าเรือแหลมฉบับเฟส 3 ซึ่งนายกฯไม่ต้องการเห็นผู้บริหารรัฐแก้ต่างแทนผู้รับเหมา แต่ต้องการให้ไปไล่บี้ผู้รับเหมาทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน และเร่งรัดการลงทุนอีอีซี จึงได้แต่งตั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เป็นประธานคณะกรรมการเร่งรัดการลงทุนพื้นที่อีอีซี และให้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นเลขานุการ.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่