นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงสถานการณ์ข้าวเปลือกเหนียวปี 66/67 ว่า ชาวนาเริ่มเก็บเกี่ยวแล้ว โดยผลผลิตภาพรวมปีนี้ 5.85 ล้านตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 4% แต่ออกกระจุกตัวช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. มากถึง 80% สำหรับภาคเหนือมีผลผลิต 1.46 ล้านตัน ส่วนราคาภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี เฉลี่ยปี 66 ข้าวเปลือกเหนียวแห้ง 12,800 บาท/ตัน เดือน ก.ย.66 สูงถึง 15,300 บาท/ตัน แต่ผลผลิตที่ออกกระจุกตัวในช่วงนี้ทำให้ราคาเริ่มต่ำลง โดยข้าวเปลือกเกี่ยวสด 9,300-9,500 บาท/ตัน ข้าวแห้ง 11,500-12,000 บาท/ตัน ดังนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ จึงสั่งการให้จัดทำโครงการเพิ่มช่องทางการตลาดข้าวเหนียวภาคเหนือ เพื่อรองรับผลผลิตที่ออกมาก และช่วยพยุงไม่ให้ราคาลดต่ำลง
ทั้งนี้ กรมได้เปิดจุดรับซื้อแล้ว โดยประสานกับโรงสีและผู้รับซื้อนอกพื้นที่ให้เข้าไปช่วยรับซื้อในพื้นที่ภาคเหนือ ล่าสุด เปิดแล้ว 16 จุด ใน 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน พะเยา ลำพูน ลำปาง โดยช่วยค่าบริการจัดการรวมค่าขนส่ง คาดว่าจะช่วยพยุงราคาข้าวเปลือกเหนียวไม่ให้ลดต่ำลงได้ ส่วนมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ กรมจะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาต่อไป จึงขอให้เกษตรกรไม่ต้องเร่งเก็บเกี่ยวข้าวออกขายในช่วงที่ออกมาก เพื่อให้ได้ข้าวคุณภาพที่ดี และขายได้ราคาสูงขึ้น
ด้านนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมได้ประเมินผลมาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกปี 66 ภายหลังผลผลิตผลไม้หลายชนิดจบฤดูกาลแล้ว ซึ่งพบว่า ปีนี้เป็นปีทองของผลไม้เกือบทุกชนิด ทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงมัน สับปะรดภูแล ส้มโอทองดี ลำไย ฯลฯ โดยเกษตรกรขายได้ราคาดีทั้งหมด เพราะผลไม้เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผลจากมาตรการบริหารจัดการของกรมที่ดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ก่อนผลไม้จะออก ช่วยป้องกันการกดราคารับซื้อ และช่วยให้เกษตรกรมีที่จำหน่ายผลผลิต สำหรับปี 67 กรมเตรียมมาตรการไว้แล้ว เช่น ส้มภาคเหนือ จ.สุโขทัย แพร่ และน่าน กำลังออกสู่ตลาดเดือน ต.ค.-ธ.ค.66 ก็ได้ประสานสถานีบริการน้ำมัน ได้แก่ พีที บางจาก พีทีทีสเตชัน ให้ช่วยรับซื้อ และนำไปเป็นของสมนาคุณให้ผู้เติมน้ำมัน หรือมะยงชิดที่จะออกต้นปี 67 ได้ประสานผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อ เพื่อนำไปแปรรูปเป็นแยม หรือซอสปรุงรส.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่