น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงได้ยื่นของบกลาง 600 ล้านบาท เพื่อนำไปทำการตลาด ประชาสัมพันธ์ และจัดอีเวนต์งานเทศกาล กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศในช่วงไฮซีซันนี้ รวม 4 โครงการ คาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้กลับมาไม่น้อยกว่า 31,660 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ต้องยื่นของบกลางเพราะงบจาก ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่อยู่ระหว่างการจัดทำกว่าจะใช้ได้ต้องรอไปถึงเดือน มี.ค.2567
สำหรับข้อเสนอรวม 4 โครงการ ได้แก่ 1.อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ พาสปอร์ต พริวิเลจส์ งบประมาณ 150 ล้านบาท ผลที่คาดว่าจะได้รับคือการรับรู้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายของการช็อปปิ้งเพิ่มขึ้น และขยายลูกค้าใหม่จากตลาดต่างประเทศให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว 2.ไทยแลนด์ เฟสติวัล เอ็กซ์พีเรียนส์ ใน 5 ภาค งบประมาณ 200 ล้านบาท ผลที่คาดว่าจะได้รับ ก่อให้เกิดรายได้ไม่น้อยกว่า 1,100 ล้านบาท 3.มาร์เกตติง แอนด์ พีอาร์ ฟอร์ซ-มูฟ งบประมาณ 150 ล้านบาท ผลที่คาดว่าจะได้รับจากตลาดทั่วโลกทุกทวีป 30,000 ล้านบาท 4.เดอะ ลิงก์ โลคอล ทู โกลบอล วงเงิน 100 ล้านบาท ก่อให้เกิดรายได้ไม่น้อยกว่า 560 ล้านบาท
รมว.การท่องเที่ยวและกีฬากล่าวด้วยว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ที่อยู่ระหว่างรอสรุปความชัดเจนเรื่องเงื่อนไขที่ผ่านมามีผู้เสนอแนวคิดและการปรับเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าให้สามารถนำเงินบางส่วนไปใช้จ่ายในหมวดการท่องเที่ยวได้ด้วย เช่น กันเงินบางส่วน 3,000 บาทให้ไปใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวได้ ส่วนที่เหลืออีก 7,000 บาทนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าอย่างอื่น หรือสุดท้ายแล้วจะเลือกนำเงินดิจิทัลไปใช้ซื้อสินค้าเต็มวงเงิน 10,000 บาทก็ได้เช่นกันตามความต้องการของผู้ลงทะเบียน โดยแนวคิดเหล่านี้ต้องขอหารือกันก่อนเพื่อตกผลึกข้อสรุปเงื่อนไขอีกที
ส่วนนโยบายและแผนงานกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวจะมีมาตรการด้านวีซ่าเฟส 2 ออกมาอย่างแน่นอน โดยอาจจะเป็นการขยายวันพำนักในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวบางชาติในช่วงไฮซีซันนี้ ส่วนจะเป็นประเทศใดต้องรอข้อสรุปอย่างเป็นทางการก่อนประกาศภายในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ เรื่องแนวทางการขยายเวลาเปิดให้บริการของสถานบริการ เช่น ผับ และบาร์ ไม่ต้องลักลอบเปิดเกินเวลา เพื่อช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางความบันเทิง กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำร่องการกำหนดโซนใน 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ที่จะอนุญาตให้มีการขยายเวลาเปิดให้บริการ ซึ่งมีข้อเสนอหลากหลายว่าควรอนุญาตให้เปิดถึงเวลา 04.00 น. หรือบางมุมเสนอให้เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเลยก็มี น.อ.อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. พร้อมด้วยนายชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการ อพท. เข้าร่วมพิธีมอบประกาศเกียรติคุณสำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น Green Destinations Top 100 Stories 2023 ประจำปี 2566 จัดโดยองค์กร Green Destinations องค์กรรับรองมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนชั้นนำจากประเทศเนเธอร์แลนด์ และองค์กรพันธมิตร โดยเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2566 ที่เมืองทาลลินน์ สาธารณรัฐเอสโตเนีย โดยมี 3 แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษและพื้นที่รับผิดชอบของ อพท.ได้รับการจัดอันดับในปีนี้คือ พื้นที่ตำบลในเวียง จังหวัดน่าน พื้นที่ตำบลเมืองเก่า จังหวัดสุโขทัย และพื้นที่คลองท่อม จังหวัดกระบี่
น.อ.อธิคุณ กล่าวว่า อพท.วางเป้าหมายในการขับเคลื่อนเพื่อเป็นองค์กรแห่งความเป็นเลิศในการบูรณาการการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อส่งมอบแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการบริหารจัดการและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีความยั่งยืน ตามเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Criteria : GSTC) มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 อพท.ได้เสนอชื่อแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษและพื้นที่รับผิดชอบของ อพท.ที่มีศักยภาพ จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย พื้นที่ตำบลในเวียง จ.น่าน พื้นที่ตำบลเมืองเก่า จ.สุโขทัย และพื้นที่คลองท่อม จ.กระบี่ และได้ผ่านการคัดเลือกได้รับการจัดอันดับ Green Destinations Top 100 Stories 2023 ทั้ง 3 แหล่ง.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่