“เกรียงศักดิ์” แจงผลทำงาน 3 ปี ล้างทุจริต 500 คดี ชู อคส.โฉมใหม่ร่วมใจฝ่าวิกฤติ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“เกรียงศักดิ์” แจงผลทำงาน 3 ปี ล้างทุจริต 500 คดี ชู อคส.โฉมใหม่ร่วมใจฝ่าวิกฤติ

Date Time: 12 ต.ค. 2566 06:40 น.

Summary

  • “เกรียงศักดิ์” เผย 3 ปีที่ผ่านมา ผลดำเนินงาน “อคส.” ดีขึ้นทุกด้าน รายได้เพิ่ม ขาดทุนลด ลุยฟ้องร้องดำเนินคดีทุจริตเพิ่มเติมเกือบ 500 คดี แถมได้คะแนน ITA ระดับสูง 3 ปีซ้อน แต่ยอมรับ “สะบักสะบอม” จากปัญหาขัดแย้งภายใน วอนคน อคส.ร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าวิกฤติไปให้ได้

Latest

เจ้าหนี้การบินไทยขอเลื่อนโหวตแผนฟื้นฟู

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ช่วง 3 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส. ตั้งแต่เดือน ก.ย.63 อคส.มีผลการดำเนินงานดีขึ้นเป็นลำดับทุกด้าน โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น ขาดทุนลดลง ฟ้องร้องดำเนินคดีผู้กระทำผิดในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลที่ผ่านๆมาเกือบ 500 คดี มีคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ที่ดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องกัน 3 ปี

รายได้คลังสูงสุด 25 ปีขาดทุนลดฮวบ

โดยผลประกอบการนั้น ปี 65 มีรายได้รวม 707 ล้านบาท เพิ่มจาก 306 ล้านบาทในปี 62 ขาดทุน 99 ล้านบาท ลดจาก 157 ล้านบาทในปี 62 เป็นผลจากการลดรายจ่ายและเน้นทำธุรกิจคลังสินค้า ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น “ปี 65 มีรายได้จากการให้เช่าคลังสินค้า 73 ล้านบาท สูงสุดรอบ 25 ปี ส่วนปี 66 ประมาณการรายได้คลังสินค้า 79 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่รอบ 25 ปีอีกครั้ง และคาดขาดทุนลดลงเหลือ 70 ล้านบาท”

ขณะที่ผลประกอบการรวมจากการดำเนินโครงการรัฐบาลที่ผ่านมา ปี 65 ขาดทุนลดลงเหลือ 305 ล้านบาท จากเดิมสูงถึง 11,793 ล้านบาทในปี 62 และขาดทุนสะสมรวมทุกโครงการรัฐ 584,337 ล้านบาท ซึ่งเป็นภาระงานที่ไม่สร้างรายได้ให้ อคส. ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆของโครงการรัฐนานหลายสิบปีมาแล้ว

“ที่สำคัญ อคส.ได้นำส่งเงินกำไรจากโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรให้รัฐบาลกว่า 1,039 ล้านบาทในช่วงปี 55-57 แต่ไม่เคยได้รับเงินสนับสนุน หรืองบประมาณลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานจากรัฐแม้แต่บาทเดียวนานร่วม 30 ปี ที่สำคัญ ยังส่งคืนเงินให้แก่กองทุนโครงการช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 4,305 ล้านบาท ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ อคส.สะสางงานนี้สำเร็จ นับตั้งแต่ปี 24 ที่ อคส.ได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนนี้ เพื่อใช้ในโครงการต่างๆของรัฐรวม 37 โครงการ โดย อคส.ได้ปิดบัญชี และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้การรับรองแล้ว 3 โครงการ อยู่ระหว่างการรับรองอีก 7 โครงการ”

ลุยฟ้องทุจริตรับจำนำสินค้าเกษตร

ส่วนคดีทุจริตต่างๆที่ อคส.ได้ฟ้องร้องเพิ่มเติมเกือบ 500 คดีนั้น นายเกรียงศักดิ์กล่าวว่า แบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ 1.ทุจริตถุงมือยาง ที่ อคส.เสียหาย 2,000 ล้านบาท ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้วเมื่อเดือน พ.ค.66 สำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างพิจารณาสั่งฟ้อง ส่วนคดีละเมิดทางแพ่ง อคส.ส่งผลสอบความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ อคส.ไปให้กระทรวงการคลังพิจารณามากว่า 1 ปีครึ่งแล้ว

“ขณะนี้คลังยังพิจารณาไม่เสร็จ เมื่อเร็วๆนี้ อคส.ก็ได้ทวงถามความคืบหน้าไปที่กระทรวงการคลัง เพราะใกล้จะหมดอายุความระยะเวลา 2 ปี ส่วนคดีอาญาฟอกเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการ”

2.ทุจริตรับจำนำข้าว 280 คดี ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ อคส.ชนะ 40 คดี และศาลสั่งให้คู่กรณีชดใช้ความเสียหายให้ อคส. 2,680 ล้านบาท และ อคส.แพ้คดี 25 คดี ทุนทรัพย์ที่ต้องจ่าย 457 ล้านบาท 3.ทุจริตรับจำนำมันสำปะหลัง 174 คดี อคส. ชนะ 91 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 6,791 ล้านบาท และ อคส.แพ้ 5 คดี ทุนทรัพย์ที่ต้องจ่าย 62 ล้านบาท 4.ทุจริตรับจำนำข้าวโพด 5 คดี อคส.ชนะ 2 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 253 ล้านบาท และ 5.ทุจริตรับจำนำสินค้าเกษตรช่วงก่อนปี 51 อยู่ระหว่างการบังคับคดีและพิทักษ์ทรัพย์

นอกจากนี้ ยังระบายข้าวสารสต๊อกรัฐที่ อคส.ดูแลลอตสุดท้ายอีกกว่า 230,000 ตัน และนำรายได้ส่งคืนคลัง แต่ยังเหลืออีก 30,314 ตัน จำนวนนี้ 15,301 ตัน คลังที่ อคส.เช่าฝากเก็บได้ยึดหน่วงข้าวไว้ ไม่ให้ผู้ชนะประมูลขนข้าวออก ซึ่งอัยการสั่งฟ้องแล้ว หากยึดหน่วงอีก ศาลสามารถสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้ทันที เพื่อให้ขนข้าวออกได้ และอีก 15,013 ตัน จะเปิดประมูลใหม่ เพราะผู้ชนะประมูลไม่ชำระเงิน

คะแนน ITA สูงต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน

นายเกรียงศักดิ์กล่าวต่อว่า จากผลการดำเนินการข้างต้น ทำให้ตั้งแต่ปี 64-66 อคส.มีคะแนน ITA สูงกว่า 93% ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน และติด 1 ใน 3 หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ได้คะแนนสูงสุด โดยล่าสุดปี 66 อคส.อยู่อันดับ 2 มีคะแนน 94.61 ส่วนปี 65 มีคะแนน 94.69 และปี 64 มีคะแนน 93.59 เป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของ อคส.ที่แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง โดย อคส.เข้ารับการประเมิน ITA มาตั้งแต่ปี 57 แต่ได้คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์มาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม แม้ผลดำเนินงานด้านต่างๆ ดีขึ้น แต่ยอมรับว่าการทำงาน 3 ปีที่ผ่านมานั้น “สะบักสะบอม” เพราะความขัดแย้งภายในทุกระดับ ซึ่งนอกจากตนจะถูกพนักงานร้องเรียนผ่านหน่วยงานอิสระ และคณะกรรมาธิการต่างๆ แล้ว ยังมีความพยายามหลายรูปแบบขับไล่ตนให้พ้นจากตำแหน่ง และเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้ ส่งผลให้ในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมา ไม่สามารถดำเนินโครงการใหม่ๆ เพื่อหารายได้ให้กับ อคส.แม้วางแผนดำเนินการไว้แล้ว เช่น โครงการซื้อข้าวจากลพบุรีนำมาแปรรูปเป็นแป้งข้าวเจ้าขายในราคาสูงขึ้น โครงการสร้างมูลค่ากระท่อม, โครงการความร่วมมือกับต่างประเทศ ฯลฯ

“3 ปีที่ผ่านมา ทำเต็มกำลังแล้ว แต่เสียดาย 15 เดือนที่ผ่านมา มีสภาพสะบักสะบอม หนีตาย ทำให้งานที่เตรียมไว้ล่าช้ามาก เวลาไม่ถึง 1 ปีก็จะพ้นวาระ อยากให้สนับสนุน และช่วยเหลือกันตั้งแต่ระดับพนักงานจนถึงระดับกระทรวง รวมถึงส่วนราชการอื่นๆ มากกว่ามานั่งวิจารณ์แล้วไม่ทำอะไร กลายเป็นด้อยค่ากันเอง ทะเลาะกันเอง ควรร่วมแรงร่วมใจกันนำพาให้ อคส.ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ด้วยกัน จะดีกว่า” นายเกรียงศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ