“ทีทีเอเอ” ประเมินสถานการณ์คนไทยยกทัพออกไปเที่ยวต่างประเทศ ตลอดทั้งปีนี้ อยู่ที่ 7 ล้านคน ฟื้นตัว 70% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เผยยกทัพไปประเทศญี่ปุ่น เป็นอันดับหนึ่ง ดันราคาแพ็กเกจทัวร์แพงขึ้น 30% โดยเฉพาะการท่องเที่ยวช่วงนี้ เป็นกลุ่มของคนที่มีกำลังซื้อ เน้นการกินอยู่ที่ดีขึ้น เที่ยวนานขึ้น ขณะที่ความนิยมไปเที่ยวเวียดนามกำลังมาแรง
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ เมื่อดูตัวเลขสถิติจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 4 เดือนแรกของปีนี้ หรือตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีคนไทยเดินทางออกไปต่างประเทศรวม 4.3ล้านคน ซึ่งโดยปกติตัวเลขสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะรวมคนไทยที่เดินทางนอกเหนือจากการท่องเที่ยวด้วย โดยประมาณว่า 2 ใน 3 ส่วนของตัวเลขนี้ เป็นนักท่องเที่ยวจริง ประมาณ 2.8 ล้านคน
“เมื่อเอาสมมติฐานนี้ มาทำประมาณการเดินทางตลอดทั้งปี และคาดการณ์ จำนวนคนไทยเดินทางไปต่างประเทศในไตรมาส 3 น้อยลงกว่าไตรมาสอื่นๆ ก็คาดว่า ตลอดทั้งปีนี้ น่าจะมีคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศประมาณ 7 ล้านคน เทียบเป็นอัตราการฟื้นตัวที่เกือบ 70% ของจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศทั้งหมดเมื่อปี 2562 (ก่อนเกิดโควิด-19) ที่มีจำนวน 10.5 ล้านคน ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์โลกที่มีวิกฤติหลายๆอย่าง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน สงคราม รวมไปถึงซัพพลายเชนของสายการบินที่ยังขาดแคลน”
สำหรับราคาค่าแพ็กเกจทัวร์ ในขณะนี้ถือว่ามีราคาที่สูงขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดประมาณ 30% หรือมากกว่า เนื่องจากราคาของสายการบินและโรงแรมที่มีแนวโน้มคงอยู่ในระดับสูง แต่บางเส้นทาง เช่น ประเทศเวียดนาม ราคาทัวร์ปกติอาจสูงขึ้นเพียง 10-15% เนื่องจากจำนวนไฟลท์บินที่มีความถี่มาก
ขณะเดียวกัน จากการฟื้นตัวแบบ K shape หลังโควิด-19 ทำให้คนมีเงินก็ยังนิยมออกไปเดินทางท่องเที่ยว ส่วนคนระดับกลางถึงล่าง ก็อาจต้องรอเก็บออมเพิ่มเติมไปอีกสักระยะ ซึ่งจุดนี้ทำให้การท่องเที่ยวช่วงนี้เป็นกลุ่มของคนที่มีกำลังซื้อ ที่เน้นการกินอยู่ที่ดีขึ้น อีกทั้งยังเห็นคนเดินทางท่องเที่ยวด้วยจำนวนวันที่ยาวขึ้น แลกกับความถี่ของการเดินทางที่น้อยลง
นายเจริญกล่าวว่า ประเทศที่คนไทยนิยมไปมากที่สุด ยังคงเป็นญี่ปุ่นอันดับหนึ่ง โดยมีคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว 500,000 คน ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ คาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีจำนวนถึง 900,000 คน ด้วยผลจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่ามาก เมื่อเทียบกับค่าเงินบาท ขณะที่สายการบินที่เริ่มมีความถี่มากขึ้น และการทำตลาดที่รุนแรง ของทางการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่ให้ความสนใจตลาดคนไทยมาก โดยส่วนแบ่งตลาดของคนไทยที่เข้าไปเที่ยวในญี่ปุ่น เป็น 12% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ที่เดินทางเข้าไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นจำนวนที่สูงกว่าปี 2562 ที่คนไทยคิดเป็น 10% ของส่วนแบ่งตลาดเท่านั้น และอันดับสอง คือ เวียดนาม เนื่องจากปัจจัยด้านราคา ความพร้อมของสายการบิน และระยะทางใกล้กับประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวไทยหลายกลุ่มนิยมเดินทางไปเวียดนาม เพราะเข้าถึงได้ง่าย มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย.