โอดแย่แน่! ขึ้นค่าแรงก้าวกระโดด จ่อยื่นสมุดปกขาวรัฐบาลใหม่ ส.อ.ท.กังวลงบปี 67-68 ล่าช้า

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.อยู่ระหว่างจัดทำสมุดปกขาวเพื่อที่จะนำเสนอรัฐบาลใหม่ โดยข้อเสนอจะคล้ายกับการประชุมสามัญประจำปี 2566 ที่ ส.อ.ท.จัดขึ้นและเชิญ 9 พรรคการเมืองมาดีเบตที่ผ่านมา โดยสิ่งสำคัญขณะนี้ คือ การเร่งจัดตั้งรัฐบาลและการตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากได้ในเดือน ก.ย.-ต.ค.จะมีช่วงสุญญากาศ 4-5 เดือน ที่อาจจะกระทบต่อการใช้เงินงบประมาณปี 2567และจัดทำงบปี 2568

“ส.อ.ท.กำลังทำข้อเสนอหรือ Position Paper ถึงรัฐบาลใหม่คาดว่าคณะทำงานจะสามารถสรุปรายละเอียดได้ในเดือน พ.ค. นี้เพื่อนำเสนอให้ กรรมการบริหาร ส.อ.ท.พิจารณาอนุมัติ รอยื่นให้รัฐบาลใหม่ ส.อ.ท.ต่อไป ยืนยันว่า ส.อ.ท. พร้อมทำงานกับทุกรัฐบาลเพราะเรามองความมั่นคงของชาติ เรามองไปที่ตั้งนายกรัฐมนตรี เพราะถ้าได้นายกรัฐมนตรีในเดือน ก.ย.-ต.ค. นี้ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จะใช้อย่างไรจึงอยากให้มีรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ ผมขอร้อง อย่าทะเลาะกันเลยอยากเห็นประเทศชาติเดินหน้า”

ข้อเสนอประเด็นหลักๆ ได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศที่ขณะนี้ลดลงต่อเนื่อง โดยการปรับโครงสร้างกฎระเบียบภาครัฐ 1,000 ฉบับ ที่เคยศึกษาไว้ว่าช่วยลดงบประมาณได้ 90,000 ล้านบาท และอีกหนึ่ง คือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ ส.อ.ท.มีความกังวล เพราะมีการหาเสียงไว้ขึ้นแบบก้าวกระโดดไปที่ 450-600 บาทต่อวัน ว่าควรที่จะเน้นไปที่การเพิ่มค่าแรงจากทักษะฝีมือมากกว่า นอกจากนั้น การปรับขึ้นค่าแรงก็ต้องมองควบคู่กับการลดค่าครองชีพ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่เมื่อขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแล้วค่าครองชีพก็ขึ้นก็จะวนเวียนไป

“ต้องเข้าใจว่าค่าแรงขั้นต่ำจะต้องผ่านการพิจารณาโดยไตรภาคี โดยที่ผ่านมาเห็นว่าการขึ้นแบบก้าวกระโดดจะลดขีดความสามารถประเทศและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และอย่าลืมค่าแรงขั้นต่ำส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ที่แรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแรงงานเหล่านี้จะกันเงิน 50% ส่งกลับไปยังบ้านเกิด ขณะที่การปรับค่าแรงหากขึ้นก้าวกระโดดจะกระทบต่อเอสเอ็มอี ส่วนเอกชนรายใหญ่แม้มีศักยภาพจ่ายเพิ่ม แต่ก็จะไปผลักดันให้หันไปใช้ระบบหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรกลมากขึ้น ทั้งนี้ ส.อ.ท.ไม่ได้คัดค้านการขึ้นแต่อยากให้ตัวเลขสอดคล้องกับข้อเท็จจริง”.