ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่กรมสรรพสามิตได้ประกาศปรับขึ้นภาษีความหวานจากน้ำตาล ระยะที่ 3 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ โดยจะเรียกเก็บภาษีกับเครื่องดื่มผสมน้ำตาลตามสัดส่วนความหวานสูงสุดถึงลิตรละ 5 บาท ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความกังวล จะทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น โดยเฉพาะน้ำอัดลม เครื่องดื่มทางเลือก กลายเป็นภาระค่าครองชีพประชาชนนั้น ส่งผลให้กรมการค้าภายใน ได้เชิญผู้ประกอบการมาหารือเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้เชิญผู้ประกอบการ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ได้แก่ กาแฟ นมถั่วเหลือง น้ำหวาน เช่น เขาช่อง เบอร์ดี้ เบลนดี้ เนสกาแฟ แลคตาซอย ไวตามิลค์ โอวัลติน ไมโล เนสวีต้า และเฮลซ์บลูบอย รวมถึงผู้ผลิตน้ำอัดลมรายใหญ่ และกลุ่มขนมขบเคี้ยว เช่น ยูโร่ เอลเซ่
ปีโป้ โอโจ้ ปักกิ่ง กัสเซ็น และนิชชินคาชิ มาหารือเพื่อติดตามสถานการณ์ทางการค้า การจำหน่าย ภาวะต้นทุน และขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตตรึงราคาสินค้าไปก่อน เพื่อช่วยดูแลผู้บริโภคในช่วงการฟื้นตัวจากโควิด และการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้
“จากการหารือพบว่า ปัจจุบันต้นทุนต่างๆ ลดลงต่อเนื่อง ทั้งน้ำมัน ราคาพลังงาน และวัตถุดิบหลายชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม บรรจุภัณฑ์ โดยผู้ประกอบการทั้ง 2 กลุ่มยืนยันจะให้ความร่วมมือตรึงราคาต่อไป และจัดโปรโมชันลดราคาสินค้า ขณะเดียวกัน กรมจะสนับสนุนผู้ประกอบการให้นำสินค้าไปจำหน่ายในร้านธงฟ้า ซึ่งเป็นร้านเครือข่ายของกรมที่อยู่ในโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทยด้วย”
นอกจากนี้ กรมยังได้ติดตามสถานการณ์การผลิตและจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศพบว่า ในพื้นที่ที่อากาศมีค่าฝุ่นสีแดง และมีฝุ่นพีเอ็ม 2.5 โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ มีความต้องการเครื่องฟอกอากาศเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัว จึงหารือกับผู้ผลิต ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายแล้ว และพบว่าสินค้ามีการผลิตอย่างเต็มที่ มีการนำเข้าตามปกติ และได้ป้อนเข้าสู่ตลาดตามช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาสินค้าขาดแคลน อีกทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยังได้จัดโปรโมชันลดราคาต่อเนื่องด้วย เพื่อช่วยลดภาระให้กับประชาชน.