น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบขยายกรอบการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ กรณีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ รูปแบบโครงการเช่าระยะสั้น (Rental) บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.5050 และ ส.กท.827 (บางส่วน) แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. เนื้อที่ประมาณ 3-1-91 ไร่ ซึ่งยังอยู่ระหว่างดำเนินการแต่ไม่แล้วเสร็จเกิดความล่าช้าเพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยกำหนดโครงการสิ้นสุดไปแล้วเมื่อ 18 เม.ย.2564 ที่ประชุม ครม.จึงมีมติให้ขยายกรอบการดำเนินโครงการ 3 ปีนับตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติ เพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน แยกบัญชีโครงการฯ เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล (Public Service Accout: PSA) และไม่นับรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ที่เกิดจากการดำเนินโครงการฯ เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคาร
นอกจากนั้น “ครม.เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าร่วมทุนในบริษัท LNG Receiving Terminal (แห่งที่ 2) บ้านหนองแฟบ ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ในสัดส่วน 50% โดยมีมูลค่าเงินลงทุนตามสัดส่วนไม่เกิน 16,350 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการขยายธุรกิจของ กฟผ. จากขั้นปลายน้ำสู่ขั้นกลางน้ำ และการร่วมทุนในบริษัทครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงของ กฟผ. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.รัชดากล่าวต่อว่า โครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 นี้ รองรับ LNG ได้ 7.5 ล้านตันต่อปี มีภารกิจหลักเป็นสถานีรับ-จ่าย รวมถึงแปลงสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อจัดส่งเข้าสู่โครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซให้กับลูกค้า ซึ่งครอบคลุมถึงโรงไฟฟ้าของ กฟผ. จะเปิดให้บริการเดือน ธ.ค.65 โครงสร้างการร่วมลงทุนจดทะเบียนจัดตั้งในไทย มีผู้ถือหุ้น 2 ราย คือ กฟผ. ถือหุ้น 50% บริษัท PTTLNG ถือหุ้น 50% มูลค่ากิจการ 46,900-52,200 ล้านบาท.