ซาอุฯบูมลงทุนไทย 3 แสนล้านบาท “คณิศ” มั่นใจไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์อีวีใน 2 ปี

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ซาอุฯบูมลงทุนไทย 3 แสนล้านบาท “คณิศ” มั่นใจไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์อีวีใน 2 ปี

Date Time: 2 ธ.ค. 2565 06:12 น.

Summary

  • “คณิศ” เผยธุรกิจซาอุดีอาระเบีย บูมการลงทุนในไทย ทุ่มปีเดียว 3 แสนล้านบาท เจาะธุรกิจท่องเที่ยว เมดิคัล แคร์ น้ำมัน และปิโตรเคมี พร้อมมั่นใจนโยบายสร้างไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์อีวี

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

“คณิศ” เผยธุรกิจซาอุดีอาระเบีย บูมการลงทุนในไทย ทุ่มปีเดียว 3 แสนล้านบาท เจาะธุรกิจท่องเที่ยว เมดิคัล แคร์ น้ำมัน และปิโตรเคมี พร้อมมั่นใจนโยบายสร้างไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์อีวีในภูมิภาคอาเซียนสำเร็จแน่นอน

นายคณิศ แสงสุพรรณ ประธานที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.หรืออีอีซี) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับทางรัฐบาลและภาคเอกชนของซาอุดีอาระเบีย ต้องให้ความสำคัญมากเพราะในปี 2566 ปีเดียว จะมีการลงทุนขนานใหญ่จากซาอุดีอาระเบียมายังประเทศไทยสูงถึง 300,000 ล้านบาท โดยแจ้งว่า มีความประสงค์จะลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเมดิคัล แคร์ อุตสาหกรรมน้ำมัน และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายส่วนใหญ่ของซาอุดีอาระเบียอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

“ก่อนหน้านี้อีอีซีเคยเสนอว่าจะช่วยดึงการลงทุนของประเทศ จากเป้าหมายที่ควรมีการลงทุนปีละ 600,000 ล้านบาท ทางอีอีซีจะช่วยให้มีการลงทุนในพื้นที่ให้ได้ 400,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2566 ไม่ต้องกังวลแล้วเพราะซาอุดีอาระเบียประเทศเดียวก็ลงทุน 300,000 ล้านบาทแล้ว และส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่อีอีซี อย่างไรก็ตาม ทางซาอุดีอาระเบียแจ้งขอให้ธุรกิจของไทยไปลงทุนที่ประเทศซาอุดีอาระเบียบ้าง โดยเฉพาะการก่อสร้างที่อยู่อาศัย”

นายคณิศกล่าวด้วยว่า จากการส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ให้มาใช้ไทยเป็นฐานการผลิต มาจนถึงตอนนี้สามารถมั่นใจได้แล้วว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแน่นอน เห็นได้จากค่ายรถยนต์ต่างๆ ได้เลือกไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว เพราะเห็นไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์สันดาปหรือรถยนต์ใช้น้ำมันอยู่แล้วปีละ 2 ล้านคัน ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และมีบุคลากรด้านยานยนต์พร้อม ทำให้ประเทศไทยสามารถปรับตัวมาเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้เร็วที่สุด จนคนเกิดความสนใจกันทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตอยู่แล้ว อย่างเช่น ญี่ปุ่น ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ล่าสุดค่ายโตโยต้าอยู่ระหว่างยื่นขอการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่ค่ายฮอนด้าขอทำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และมาสด้าที่หารือเพื่อทำรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนค่ายใหญ่ของจีนมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเอ็มจี, เกรท วอ มอเตอร์ (GWM) และบีวายดี นอกจากนั้น จากการไปเยือนเยอรมนี ได้หารือกับค่าย BMW กำลังทำโมเดลแรกของรถยนต์ไฟฟ้า และจะมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในไทย ส่วนค่ายเบนซ์ก็คงมาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การลงทุนใน 1-2 ปีจากนี้จะปรับเปลี่ยนการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเป็นรถยนต์ไฟฟ้าครึ่งหนึ่งของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด

“ตอนนี้เข้าใจว่าการจัดงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ระหว่างวันที่ 1-12 ธ.ค.นี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จะเป็นครั้งแรกของภูมิภาคอาเซียนที่มีรถยนต์ไฟฟ้ามาเปิดตัวและโชว์ในประเทศไทยมากที่สุด”

ส่วนการดึงโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาในไทย ขณะนี้มีเข้ามาแล้ว ทั้งจากบริษัทข้ามชาติและจากการลงทุนของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นับรวมกำลังการผลิตแล้วสร้างแบตเตอรี่ได้ 10 กิกะไบต์ หรือรองรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ 115,000 คัน และรัฐบาลจะส่งเสริมให้เกิดสถานีชาร์จให้มากที่สุดเพื่อให้เกิดความสบายใจในการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

นายคณิศกล่าวต่อไปว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หลายประเทศต้องเร่งการลงทุน อย่างที่ไปหารือกับธุรกิจในเยอรมนีที่จะมาลงทุนเพิ่มในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัททางการแพทย์หลายแห่ง อยากขยายทำการแพทย์จีโนมิกส์ เพื่อรักษาโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นโรงที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้าการรักษาด้วยจีโนมิกส์จะเข้าสู่การรักษาแบบปกติของประเทศไทย

ส่วนทางญี่ปุ่น ซึ่ง สกพอ.ร่วมกับคณะของสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งได้ไปนำเสนอยุทธศาสตร์การลงทุนใหม่ที่จะให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมกับบริษัทที่ลงทุนในไทยอยู่แล้วและมีการขยายการลงทุน ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนญี่ปุ่นอย่างมาก.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ