“บิ๊กป้อม” สั่งประชุมแก้ปัญหาโกงออนไลน์ หลังแก๊งมิจฉาชีพอาละวาดหนัก พบเดือน ม.ค.-ต.ค.65 ปิดกั้นเอสเอ็มเอส-โทร.หลอกลวงกว่า 7.6 หมื่นหมายเลข อายัดบัญชีม้ากว่า 4 หมื่นบัญชี ดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 6 ครั้ง จับผู้ต้องหา 166 ราย พร้อมเคาะ 6 มาตรการเร่งด่วนให้ดีอีเอสสรุปเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า จากการจัดประชุมเพื่อแก้ปัญหาการฉ้อโกงออนไลน์ ที่ได้รับมอบหมายจากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 65 โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้แก่ ปลัดกระทรวงดีอีเอส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นต้น
โดยที่ประชุมได้สรุปผลปฏิบัติงานและสถิติการดำเนินคดีทางอาชญากรรมออนไลน์ที่สำคัญตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค.65 ประกอบด้วย 1.การปิดกั้นข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) และโทรศัพท์หลอกลวง จำนวน 76,165 หมายเลข และดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 6 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 166 ราย 2.อายัดบัญชีม้า จำนวน 40,198 บัญชี และปิดกลุ่มโซเชียลมีเดียซื้อขายบัญชีม้า จำนวน 6 กลุ่ม 3.ดำเนินคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงลงทุน- ระดมทุนออนไลน์ และหลอกลวงทางการเงิน จำนวน 653 คดี มีผู้ต้องหาจำนวน 747 ราย
4.ปราบพนันออนไลน์ โดยดำเนินคดีกับเว็บไซต์ที่กระทำความผิดจำนวน 312 คดี มีผู้ต้องหาจำนวน 403 ราย และปิดกั้นเว็บไซต์พนันจำนวน 1,507 เว็บไซต์ 5.หลอกลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ ดำเนินคดีจำนวน 469 คดีและจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 490 ราย
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้วางแนวทางมาตรการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงทางออนไลน์ 6 มาตรการ ได้แก่ 1.การเร่งรัดปราบปรามการฉ้อโกงออนไลน์ 5 ด้าน ได้แก่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์, บัญชีม้า, การหลอกลวงลงทุน-ระดมทุนออนไลน์และหลอกลวงทางการเงิน, การพนันออนไลน์ และการหลอกลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ 2. การป้องกันธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมาย 3.การป้องกันการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ผิดกฎหมาย 4.การเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดวงจรอาชญากรรม 5.การยกระดับการเตือนภัยออนไลน์และสร้างการรับรู้ต่อประชาชน 6.การเร่งรัดพัฒนากฎหมาย และขยายผล
“เรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นกุญแจสำคัญ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาแจ้งเตือนประชาชนก่อนการโอนเงินผ่านระบบอีแบงกิ้ง และโมบายแบงกิ้ง, การป้องกันการโอนเงินผ่าน Remote Application ที่คนร้ายใช้ และสำนักงาน กสทช. เร่งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับหน่วยงาน หรือผู้ใช้งานซิมโทรศัพท์ที่ผิดกฎหมาย เช่น ซิมที่ไม่ลงทะเบียนหรือลงทะเบียนไม่ถูกต้อง”
สำหรับดีอีเอสจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งผลักดันการออก พ.ร.ก.เกี่ยวกับบัญชีม้าและการจัดการธุรกรรมที่ต้องสงสัย หรือเข้าข่ายผิดกฎหมาย เพื่อตัดวงจรอาชญากรรมก่อนเกิดผลกระทบในวงกว้าง รวมทั้งจะยกระดับการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ผ่านทางช่องทางแอปพลิเคชันเป๋าตังและช่องทางต่างๆ โดยจะนำมาตรการเร่งด่วนแก้ไขการฉ้อโกงออนไลน์ ตามที่ได้หารือกันเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสัปดาห์หน้า
ด้าน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า รัฐบาลเอาจริงและพยายามทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องประชาชนจากมิจฉาชีพเพื่อป้องกัน ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยขอให้ดีอีเอสเร่งสรุปมาตรการเร่งด่วนแก้ไขการ ฉ้อโกงออนไลน์เสนอ ครม. ภายใน 10 วัน.