นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการซื้อขายรถมือสองทำได้ง่ายขึ้น และมีหลายช่องทาง ประกอบกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดการซื้อขายรถมือสอง มีการพัฒนาเทคโนโลยี การซื้อขายผ่านแอปพลิเคชันหรือการลงประกาศซื้อขายรถผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ กรมขอเตือนประชาชนที่ต้องการซื้อขายรถมือสอง ไม่ควรซื้อขายรถด้วยวิธีการโอนลอยโดยเซ็นเอกสารไว้แล้วมาดำเนินการภายหลัง เนื่องจากอาจก่อปัญหาให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น กรณีผู้ซื้อไม่ได้ชำระภาษีรถประจำปี รถเกิดอุบัติเหตุ หรือนำรถไปกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งยังคงปรากฏชื่อเจ้าของรถรายเดิมในระบบทะเบียน สร้างปัญหายุ่งยากให้เจ้าของรถรายเดิม นอกจากนี้ การไม่นำรถมาโอนทางทะเบียนยังทำให้ผู้ซื้อไม่อาจตรวจสอบความถูกต้องของรถได้โดยสมบูรณ์ว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมาหรือไม่อีกด้วย
“กรมการขนส่งได้กำชับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของรถก่อนการซื้อขายทุกครั้ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบก่อนตัดสินใจ และต้องตรวจสอบหลักฐานทะเบียนรถให้ครบถ้วนเพื่อการซื้อขายที่ถูกต้อง โดยเฉพาะสมุดคู่มือรถฉบับจริงที่มีชื่อเจ้าของรถเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ สีรถต้องถูกต้องตรงกับรถคันที่จะซื้อขายทุกรายการ และที่สำคัญต้องตรวจสอบว่ามีการชำระภาษีรถประจำปีครบถ้วนถูกต้อง พร้อมนำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่งที่รถจดทะเบียนด้วยตนเองในทันที”
อย่างไรก็ตาม กรมจะตรวจสอบทะเบียนรถด้วยระบบฐานข้อมูล MDM (Master Data Management) โดยสามารถตรวจสอบความถูกต้องของทะเบียนรถ ข้อมูลต่างๆ ได้แม่นยำ เพื่อความมั่นใจในการซื้อขายรถ ซึ่งระบบจะดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ครอบครองรถในทันทีที่ได้รับข้อมูลการแก้ไข อีกทั้งยังเชื่อมโยงออนไลน์พร้อมกันทั่วประเทศในทุกระบบงาน พร้อมเอกสารประกอบการดำเนินการทุกครั้งที่มีการแก้ไขสาระสำคัญทางทะเบียนรถ ดังนั้นชื่อผู้ครอบครองรถที่ปรากฏในระบบ จึงตรงกับที่ระบุในเล่มทะเบียนรถ โดยกรมแนะนำให้ผู้ที่ต้องการซื้อขายรถมือสองทำตามขั้นตอนที่แนะนำ เพื่อความปลอดภัยในการโอนรถ และไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ.