นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าวใน วันชาติสิงคโปร์ ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า จะสร้างสิงคโปร์ให้เป็น “ศูนย์รวมของคนเก่งระดับโลก” (world-cladd talent pool) โดยจะทุ่มทุนส่งเสริมคนเก่งสิงคโปร์ และ ดึงคนเก่งต่างชาติ เข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในสิงคโปร์ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่ขาดแคลนและการริเริ่มโครงการใหม่ๆ เขากล่าวว่า เราจะทุ่มเทในระดับสูงสุด เพื่อสร้างคนเก่งสิงคโปร์ให้บรรลุเป้าหมายเต็มศักยภาพ เพื่อความสำเร็จของประเทศชาติ และจะมุ่งเน้น การดึงดูดคนเก่งจากทั่วโลก ให้เข้ามาทำงานและอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ ท่ามกลางการแข่งขันสูงในการดึงดูดคนเก่งจากทั่วโลก
นายกฯสิงคโปร์ ได้ยกตัวอย่างสาขา วิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ (biomedical science) สิงคโปร์มีนักวิทยาศาสตร์ด้านนี้ ทำงานอยู่ กว่า 25,000 คน ซึ่งสร้างรายได้ให้สิงคโปร์มากกว่า 1 ใน 5 ของจีดีพี รัฐบาลได้ให้ทุนหลายร้อยทุนให้คนสิงคโปร์เรียนวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์จนถึงระดับปริญญาเอก ขณะเดียวกันรัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้ สร้างระบบนิเวศ เพื่อความเป็น ศูนย์กลางชีวการแพทย์ (Biomedical Hub) ในภูมิภาคนี้
ฟังสปีชของ นายลี เซียนลุง นายกฯสิงคโปร์ พูดถึง “อนาคตของสิงคโปร์” แล้วก็ได้แต่ชื่นชมผู้นำสิงคโปร์ที่มีวิสัยทัศน์กว้างและไกล เป็นโชคดีของชาวสิงคโปร์ วิสัยทัศน์แบบนี้เราไม่เคยได้ยินจากผู้นำประเทศของเราเลย ทั้งที่เป็นนายกฯมา 8 ปีแล้ว ยิ่งอึ้งและทึ่งเมื่อเห็นมติ ครม. รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งคลอด “มาตรการสิทธิประโยชน์ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa)” บนพื้นที่ 6,500 ไร่ เพื่อเป็นโครงการตัวอย่างนำร่องด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่ใช่ภาษี และกำหนดให้ พื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออก (Airport City) 1,032 ไร่ เป็นเขตประกอบการค้าเสรี (EECa Free Trade Zone)
ฟังดูก็น่าดีใจครับ แต่เมื่อเข้าไปดูเนื้อในของเมืองใหม่เขตการค้าเสรี ที่ คุณรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกสำนักนายกฯแถลงก็ต้องอึ้ง
พื้นที่ดังกล่าว เป็นเสมือนพื้นที่นอกประเทศ ไม่ถูกจำกัดด้วยกฎหมายหลายประการ จัดให้มีกิจกรรมและสันทนาการรองรับการใช้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เช่น โรงแรม 5 ดาวขึ้นไป ห้างสรรพสินค้า ร้านดิวตี้ฟรี ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ งานแสดงสินค้า พื้นที่จัดการประชุม บริการความบันเทิงทุกรูปแบบ เป็นต้น
และมีการกำหนดลูกค้าในเมืองใหม่นี้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเป้าหมาย
“1.กลุ่มผู้ประกอบกิจการในพื้นที่เมืองการบิน รูปแบบสิทธิประโยชน์คือ (1) ดำเนินกิจกรรมสันทนาการได้ตลอด 24 ชั่วโมง (2) จำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง (3) ตั้งด่านนำเข้าและส่งออกสุราและยาสูบ (4) กำหนดเขตปลอดอากรและจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน (5) การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดไม่เกิน 15 ปี และยกเว้นไม่ต้องนำเงินปันผลจากการประกอบกิจการไปคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้”
ฟังรายละเอียดกลุ่มเดียวก็อึ้งพอแล้ว จะมีคนดีคนเก่งที่ไหนในโลกต้องการมาใช้ชีวิตแบบนี้ ส่วน กลุ่มที่ 2 เป็นคนทำงาน กลุ่มที่ 3 เป็นคนเดินทางและนักท่องเที่ยว มีการยกเว้นภาษีอากร ยกเว้นภาษีสรรพสามิต และจะยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
พล.อ.ประยุทธ์ ยังคิดแบบเดิมๆในการพัฒนาประเทศ ทุ่มเงินเป็นแสนๆล้านสร้างเมืองบันเทิง เพื่อขายเหล้าขายเบียร์ ขายกิจกรรมบันเทิง 24 ชั่วโมง แทนที่จะทุ่มเงิน “สร้างคนเก่งเยอะๆ” และ “ดึงคนเก่งต่างชาติ” เข้ามาทำงานให้เมืองไทย สร้างความเจริญ รุ่งเรืองให้เมืองไทยอย่างยั่งยืน เหมือน สิงคโปร์ เวียดนาม หรือท่านคิดได้เพียงแค่นี้ มีวิสัยทัศน์ได้เพียงแค่นี้ก็เป็นกรรมของคนไทย “เมืองใหม่” ที่ ครม.ประยุทธ์ อนุมัตินี้ ต้องใช้เงินภาษีลงทุนถึง 400,000 ล้านบาทนะครับ ไม่ใช่เงินเล็กน้อย.
“ลม เปลี่ยนทิศ”