สงครามเน็ตบ้าน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

สงครามเน็ตบ้าน

Date Time: 11 ก.ค. 2565 05:07 น.

Summary

  • ตลาดโทรคมนาคมกลับมาร้อนฉ่าอีกครั้ง เมื่อบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN บริษัทลูกของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ประกาศซื้อกิจการ

Latest

เจ้าหนี้การบินไทยขอเลื่อนโหวตแผนฟื้นฟู

ตลาดโทรคมนาคมกลับมาร้อนฉ่าอีกครั้ง เมื่อบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN บริษัทลูกของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ประกาศซื้อกิจการ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ 3BB และซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF ด้วยเม็ดเงิน 3.24 หมื่นล้านบาท ทำให้เกิดคำถามดีลนี้จะสำเร็จราบรื่นหรือไม่? เทียบกับดีลการควบรวมธุรกิจทรู-ดีแทคแล้วต่างกันไหม? และถ้าดีลของเอไอเอสราบรื่น ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์อะไร?

การควบรวมหรือซื้อกิจการเป็นเรื่องปกติทางธุรกิจ ผู้ประกอบการต้องปรับตัวจากการแข่งขันทางเทคโนโลยีและภาวะเศรษฐกิจ ดีลนี้ซื้อหุ้นครั้งนี้ยังต้องผ่านกระบวนการขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท และต้องขออนุญาตจาก กสทช. มีการประเมินกันว่าดีลนี้จะเสร็จสมบูรณ์ราวไตรมาส 1 ปี 2566

นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา อดีตบอร์ด กสทช. เผยว่า หลักเกณฑ์พิจารณาดีลซื้อหุ้นครั้งนี้คล้ายกับกรณีทรูควบรวมกับดีแทค ใช้ประกาศฉบับเดียวกัน แต่มีความต่างกันตรงที่กรณีทรู-ดีแทคเป็นการควบรวมบริษัทแม่ แต่กรณีเอไอเอสกับ 3BB เป็นผู้รับอนุญาตทั้งคู่ ถือเป็นการซื้อกิจการที่มีลักษณะถือครองธุรกิจประเภทเดียวกัน ตรงไปตรงมา ไม่มีการพยายามหลบเลี่ยงว่าเป็นการควบรวมบริษัทแม่ และเอไอเอสยื่นหนังสือมาขออนุญาต กสทช.ก่อน ระบุชัดเจนว่าถ้าไม่อนุญาตก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้

ในแง่ของความโปร่งใส ผมเห็นด้วยกับ นพ.ประวิทย์ตรงที่ กรณีของเอไอเอสกับ 3BB ทำตรงไปตรงมา เล่นตามกติกา ทำหนังสือขออนุมัติจาก กสทช.ก่อน ต่างกับดีลควบรวมทรู-ดีแทคที่จงใจจดทะเบียนบริษัทใหม่ก่อนแล้วค่อยแจ้งให้ กสทช.ทราบ ซึ่งไม่เชิงเป็นการขออนุญาตตามกติกา

ส่วนประเด็นการครอบงำผูกขาดตลาดนั้น จำนวนผู้ใช้บริการเน็ตบ้าน ณ ไตรมาส 1 ปี 2565 ทรูมีลูกค้า 4.7 ล้านราย, 3BB มี 2.4 ล้านราย, เอ็นที (NT) 1.97 ล้านราย และเอไอเอส ไฟเบอร์ มี 1.8 ล้านราย เมื่อเอไอเอสซื้อหุ้น 3BB แล้วจะมีลูกค้าเกือบ 4.3 ล้านราย เป็นแค่เบอร์ 2 ส่วนทรูยังคงเป็นเบอร์ 1 ตามเดิม ตลาดยังเหลือผู้เล่น 3 รายใหญ่ เพราะ NT มีส่วนแบ่งการตลาด 17.8% ยังส่งผลกระทบต่อการแข่งขันได้

ต่างกับดีลควบรวมทรู-ดีแทค จะทำให้เหลือผู้เล่นรายใหญ่เพียง 2 ราย ผู้นำตลาดจะเปลี่ยนเป็นทรู-ดีแทค มีลูกค้า 52.5 ล้านราย เอไอเอสมี 44.5 ล้านราย ส่วน NT มีแค่ 2.2 ล้านราย หรือประมาณ 3% ไม่มีผลกระทบต่อการแข่งขัน เมื่อเหลือผู้เล่นรายใหญ่เพียง 2 ราย ก็เสี่ยงต่อการฮั้วกันผูกขาดตลาด

การดำเนินกิจการค่ายมือถือจำเป็นต้องมีการถือครองความถี่มากพอ และมีสถานีฐานครอบคลุมเครือข่ายขนาดใหญ่ จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาด ขณะที่กิจการบรอดแบนด์ไม่มีอุปสรรคดังกล่าว ผู้เล่นหน้าใหม่ลงทุนน้อยกว่า ไม่ต้องใช้คลื่นความถี่ ไม่ต้องทุ่มเงินมหาศาลประมูลคลื่น ไม่ต้องวางสายไฟเบอร์เอง สามารถเช่าใช้จาก NT และเลือกให้บริการเฉพาะพื้นที่เฉพาะกลุ่มได้ อย่างไรก็ตามข้อพิจารณาแง่มุมต่างๆอยู่ที่ กสทช.จะเป็นผู้ชี้ขาด

ธุรกิจบรอดแบนด์ไม่ได้จบแค่เน็ตบ้าน ยังมีบริการเสริมอื่นๆอีก โดยเฉพาะ กล่องรับสัญญาณทีวี คอนเทนต์ของเอไอเอสเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนเมือง ยิ่งได้เป็นพันธมิตรกับ Disney+Hotstar ก็ได้ลูกค้ากลุ่มเด็กเพิ่มขึ้น ส่วน 3BB มีช่อง MONOMAX เป็นตัวชูโรง เน้นหนังดูง่ายดูสบาย เข้าถึงทุกเพศวัย

ถ้าเอไอเอสซื้อหุ้น 3BB สำเร็จ ต้นทุนการซื้อคอนเทนต์จะลดลงก็ต้องรอลุ้นกันว่าราคาค่าบริการจะถูกลงหรือไม่ หรือมีแพ็กเกจจูงใจ มีบริการเสริมอะไรมาให้ลูกค้าบ้าง

ลูกค้ามือถือย้ายค่ายง่าย ไม่ชอบก็แค่เปลี่ยนซิม แต่เน็ตบ้านย้ายค่ายยุ่งยากกว่า ต้องเปลี่ยนกล่อง เปลี่ยนเราเตอร์ นัดช่างมาที่บ้าน ฉะนั้นถึงดีลซื้อหุ้นสำเร็จ ก็ต้องมีกลยุทธ์เด็ดจูงใจ.

ลมกรด


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ