นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยผลการสัมมนาวิชาการสร้างความรู้ความเข้าใจ เรื่องการคุ้มครองเงินฝากและการคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน หัวข้อ “คุ้มครองการเงินไทยในยุค Next Normal” ว่า เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างความมั่นใจในประเด็นการคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ทั้งในด้านการคุ้มครองเงินฝาก การตรวจสอบข้อมูลเครดิต การคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน และผลิตภัณฑ์การลงทุน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีการหลอกหลวงผู้บริโภคในหลากหลายรูปแบบซึ่งเป็นภัยทางการเงิน 5 อันดับแรกที่ถูกหลอกลวงมากสุก ได้แก่ 1.กลโกงทางโทรศัพท์ในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2.การหลอกลวงผ่านโลกออนไลน์ 3.การหลอกลวงให้ลงทุนในรูปแบบแชร์ลูกโซ่ 4.เงินกู้นอกระบบ และ 5.การรับจ้างเปิดบัญชี เป็นต้น ซึ่งกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แนะนำวิธีป้องกันและรับมือกับภัยทางการเงินดังกล่าว เช่น การเช็กตัวตน และหน่วยงานโดยถามถึงหลักฐาน การปรึกษาหาคำแนะนำจากหน่วยงานหรือสถาบันการเงิน การติดต่อธนาคารเพื่อขอระงับธุรกรรม การปฏิเสธหรือร้องเรียนสถาบันการเงินเมื่อถูกบังคับให้ทำบัตรเอทีเอ็มพ่วงกับการขายประกัน เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถร้องเรียน ธปท. โดยตรงได้ที่สายด่วน 1213
นายพรชัย กล่าวต่อว่า กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนทั้งเรื่อง นโยบายการคุ้มครองเงินฝากในภาพรวม เช่น หากมีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท สามารถแบ่งเงินส่วนที่เกินจาก 1 ล้านบาท ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ได้, การตรวจสอบข้อมูลและประโยชน์การใช้ข้อมูลบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร, การคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน มิให้ถูกหลอกลวง, การลงทุนเพื่อความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูล และควรกระจายความเสี่ยงการลงทุน ให้มีความหลากหลาย ไม่ทุ่มเทการลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียว รวมถึงต้องทราบว่าตนเองสามารถรับความเสี่ยงได้มากเพียงใดด้วย.