Work from Home กับ Work from Office สรุปเอายังไงดี?

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

Work from Home กับ Work from Office สรุปเอายังไงดี?

Date Time: 25 มิ.ย. 2565 05:05 น.

Summary

  • ท่ามกลางสถานการณ์ของโควิด-19 ในปัจจุบันที่ทุเลาลงแล้วในหลายประเทศ สภาพการทำงานเดิมที่คุ้นเคยสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปีกว่าที่ผ่านมา

Latest

“พิชัย” เปิดเวทีชวนนักลงทุนเข้าไทย


สุพริศร์ สุวรรณิก สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์

ท่ามกลางสถานการณ์ของโควิด-19 ในปัจจุบันที่ทุเลาลงแล้วในหลายประเทศ สภาพการทำงานเดิมที่คุ้นเคยสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปีกว่าที่ผ่านมา คือ การทำงานจากที่บ้าน (Work from Home : WFH) อาจจะถึงคราวสิ้นสุด เห็นได้จากบางบริษัทที่ได้วางนโยบายให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ (Work from Office : WFO) อย่างเต็มรูปแบบแล้ว 100% ผู้ทำงานเองก็อาจมีจริตความชอบและบทบาทในการทำงานที่แตกต่างกัน บ้างก็อยาก WFO บ้างก็ยังอยาก WFH (แน่นอนว่า ไม่นับรวมประเภทหรือบทบาทการทำงานที่ยังไงต้องเข้าออฟฟิศอยู่แล้วทำงานจากที่บ้านไม่ได้) ผู้เขียนจึงขอสำรวจจุดเด่นสำคัญของการทำงานทั้งสองรูปแบบในภาพรวมโดยอ้างอิงจากงานวิจัยและผลการสำรวจบางส่วนมาชวนท่านผู้อ่านคิดตามกันวันนี้ครับ ทั้งนี้ บางจุดเด่นก็อาจไม่ได้เป็นจริงนักกับองค์กรบางแห่งเสมอไป และจุดเด่นบางประการก็มีงานวิจัยที่ให้ข้อสรุปแตกต่างกันไปด้วย

จุดเด่นสำคัญของ WFH มีอยู่หลายประการ เช่น 1) ผลิตภาพ (productivity) ของคนทำงานที่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากหลายงานวิจัย เช่น งานวิจัยอันโด่งดังจากมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด Bloom et al. (2015) ที่ศึกษาพนักงาน 16,000 คนในบริษัท CTrip (บริษัทเทคโนโลยีการท่องเที่ยวของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ) และพบว่าพนักงานมีศักยภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศ แม้ว่าในปัจจุบันจะเริ่มมีงานวิจัยที่ให้ข้อสรุปแตกต่างออกไป เช่น งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโก Gibbs et al. (2021) ที่ระบุว่าผลิตภาพของคนทำงานลดลงจาก WFH

2) การประหยัดต้นทุนพลังงานและเวลาในการเดินทาง สะท้อนจากงานวิจัยล่าสุด เช่น Barrero et al. (2021) ซึ่งประเมินว่าช่วยประหยัดต้นทุนของคนทำงานกว่า 5-10% ในการทำงานในเมืองใหญ่ๆ เมื่อเทียบกับก่อนเกิดวิกฤติโควิด ยิ่งหันกลับมามองประเทศไทยและสถานการณ์น้ำมันแพงในปัจจุบัน โดยเฉพาะการสัญจรในกรุงเทพฯแล้ว จุดเด่นข้อนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้ 3) ทำให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะการได้ใช้เวลากับครอบครัว สะท้อนจากหลายงานวิจัยและผลสำรวจ อาทิ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเมื่อปี 2564 ที่ผู้ตอบแบบสอบถามถึง 45.3% ระบุว่าพึงพอใจจากการมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม งานวิจัยบางส่วน เช่น Mohring et al. (2020) พบว่า ความพึงพอใจดังกล่าวอาจถูกลดทอนในกรณีสถานที่ที่บ้านไม่พร้อมในการทำงาน โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีเด็กเล็ก

ในทางกลับกัน จุดเด่นสำคัญของ WFO ซึ่งเปรียบเสมือนเหรียญ อีกด้านหนึ่งของ WFH เช่น 1) ความคล่องตัวในการทำงานที่ออฟฟิศที่มากกว่า WFH อาทิ อุปกรณ์การทำงานที่เพียบพร้อมกว่าที่บ้าน โดยเฉพาะอุปกรณ์และระบบ IT สะท้อนจากผลการสำรวจ เช่น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 2) ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานในออฟฟิศที่ดีกว่า โดยการติดต่อประสานงานระหว่างทีมที่อาจไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบทางการเสมอไป เช่น Gibbs et al. (2021) ที่ชี้ให้เห็นต้นทุนการสื่อสารระหว่างกันในการทำ WFH ที่สูงขึ้น 3) การหมดไฟในการทำงาน (burnout) ที่อาจเกิดขึ้นน้อยกว่าการ WFH สะท้อนจากการ WFH ที่พบระยะเวลาในการทำงานยาวนานขึ้นในแต่ละวัน เช่น งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด DeFilippis et al. (2020)

จากการทำงานทั้งสองรูปแบบดังกล่าว ซึ่งมีจุดเด่นของตนเองทั้งคู่ ผู้เขียนคงไม่อาจสรุปได้ว่าองค์กรควรจะไปทางไหนดี แต่ที่พอจะสรุปได้คือ ไม่จำเป็นต้องสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง แต่อาจเลือกแบบผสมผสาน (hybrid) ซึ่งนำข้อดีของแต่ละรูปแบบผสมกัน และที่สำคัญ แต่ละองค์กรซึ่งมีรูปแบบและวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน คงต้องหาจุดสมดุลที่ตกลงร่วมกันของผู้บริหารและพนักงานในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปครับ!


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ