นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงได้เปิดโครงการยกระดับตลาดผลไม้ภาคตะวันออกให้เป็นศูนย์ผลไม้เมืองร้อนแห่งเอเชีย พร้อมกับเปิดเพจสุดยอดผลไม้ภาคตะวันออก เพื่อช่วยแนะนำผลไม้ของภาคตะวันออก ช่วยกระตุ้นการบริโภค กระตุ้นการซื้อขายในประเทศ ช่วยผลักดันให้ผลไม้ภาคตะวันออกเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น และสร้างโอกาสในการหาคู่ค้ารายใหม่ ลดความเสี่ยงในการพึ่งพาตลาดส่งออก ซึ่งเป็นตลาดหลักเพียงอย่างเดียว
“ปัจจุบันเกษตรกรไทยปลูกผลไม้ 57 ชนิด มูลค่าการส่งออก 45,000 ล้านบาท ในแต่ละปี การส่งออกผลไม้ไทยกระจุกตัวอยู่ที่ 3 ชนิด คือ ทุเรียน ลำไย มังคุด ส่งให้กับตลาดใหญ่เพียง 2 แห่ง คือ จีนและเวียดนาม คิดเป็น 80% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ที่เหลือเป็นการจำหน่ายในประเทศ การจัดทำเพจนี้ขึ้นมาจะช่วยกระตุ้นการซื้อขายในประเทศ และคาดหวังให้เป็นเพจที่ช่วยกระตุ้นการซื้อขายต่างประเทศด้วย สำหรับข้อมูลการพยากรณ์ผลไม้ภาคตะวันออกในปีนี้ พบว่า ทุเรียน มังคุด เงาะ กองลอง ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ระยอง ตราด มีปริมาณ 1.14 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มี 900,000 ตัน”
นายชัยรัตน์ บุญส่ง พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี ในนามพาณิชย์กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก (จันทบุรี ตราด สระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา) เปิดเผยว่า กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกมีศักยภาพเป็นแหล่งผลิตผลไม้เมืองร้อน เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย กล้วยไข่ สับปะรด สละ ชมพู่ ขนุน มะยงชิด มะม่วง ฯลฯ ซึ่งเป็นสินค้าเศรษฐกิจหลัก ส่วนใหญ่ส่งออกไปต่างประเทศ และมากกว่า 90% ส่งออกไปจีน เวียดนาม และฮ่องกง โดยผู้ส่งออกชาวจีนมาตั้งจุดรวบรวม (ล้ง) ในพื้นที่ อาจทำให้คนไทยเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากการส่งออกสินค้าผลไม้ และมีความเสี่ยงสูงที่ผู้ส่งออกชาวจีนอาจจะร่วมกันกำหนดราคารับซื้อผลไม้ที่ไม่เป็นธรรม จึงต้องสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสแสวงหาคู่ค้ารายใหม่และเปิดตลาดใหม่ๆขึ้นมา.